My Calander

วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2555

เกาะสีชัง

เกาะสีชัง สถานต่างอากาศที่มีชื่อเสียง;เกาะสีชังเป็นสถานตากอากาศที่มีชื่อเสียงมานานนับร้อยปีจนถึงปัจจุบัน มีธรรมชาติความงดงามแตกต่างไปจากสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ มีบรรยากาศที่สงบเงียบ อากาศบริสุทธิ์ มีสถานที่ ท่องเที่ยวอันงดงาม เกาะสีชังเป็นท้องที่ที่มีความสำคัญทาประวัติศาสตร์เพราะเป็นสถานที่ประทับ ของพระเจ้า แผ่นดินถึง 3 พระองค์ คือ รัชกาลที่4 รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 ซึ่งมีหลักฐานปรากฏจากพระนามาภิไธยหลาย แห่ง และ รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชฐานบนเกาะขึ้นเป็นแห่งแรก เพื่อเป็นสถานที่ประทับใน ฤดูร้อน และพระราช ทานนามว่า พระจุฑาธุชราชฐาน ตามพระนามพระราชโอรสที่ประสูติบนเกาะสีชังแห่งนี้ เกาะสีชัง เป็นเกาะใหญ่ที่มีฐานะเป็นอำเภอหนึ่งของชลบุรี อยู่ห่างจากฝั่งศรีราชาประมาณ 12 กิโลเมตร ประกอบ ด้วย เกาะสีชัง และเกาะบริวารน้อยใหญ่อีก 8 เกาะ คือ เกาะยายท้าว เกาะค้างคาว เกาะท้ายตาหมื่น เกาะปรง เกาะขามใหญ่ เกาะขามน้อย เกาะสัมปันยื้อ และเกาะร้านดอกไม้  เป็นที่จอดพักเรือสินค้านานาชาติ และเป็น เกาะที่น่า ท่องเที่ยวในบรรยากาศแบบท้องถิ่น ซึ่งสามารถแวะท่องเที่ยวในวันเดียวหรือพักค้างคืนก็ได้
เกาะสีชังเกาะสีชัง
1.พระจุฑาธุชราชฐาน
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของเกาะสีชัง ห่างจากท่าเทววงศ์ลงมาทางใต้ของเกาะ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นท่ีี่ประทับในฤดูร้อน มีสิ่งก่อสร้างตั้งอยู่ตามชั้นเนินเขาที่สูงต่ำลดหลั่นกันอย่างงดงามประกอบด้วยพระที่นั่ง 4 องค์ พระตำหนัก 14 หลัง ศาลา 1 หลัง มีสวนดอกไม้ สระ ธารน้ำ น้ำพุ ถ้ำและหน้าผา ภายในบริเวณมีสภาพ ภูมิทัศน์ที่งดงามตกแต่งตามลักษณะอุทยานในพระราชวังของประเทศตะวันตก ประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างดังต่อไปนี้
- เรือนเขียว
ในสมัยรัชกาลที่ 4 ทรงโปรดเสด็จมายังเกาะสีชังเป็นประจำโดยเรือกลไฟ และประทับแรมบนเรือ พระที่นั่งโดย มิได้สร้าง สร้างพลับพลาที่ประทับ แต่ในเวลานั้นก็มีเรือนไม้พักผ่อนริมทะเล ปลูกสร้างอยู่แล้วหลังหนึ่ง คือ "เรือนเขียว" ปัจจุบันยังอยู่และมีสภาพที่เรียบร้อยสมบูรณ์
เกาะสีชัง
- เรือนผ่องศรี
จัดแสดงนิทรรศการพระราชประวัติและประวัติบุคคลผู้ที่มีบทบาทสำคัญกับเกาะสีชังในอดีต
- พระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์
พระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์ พระที่นั่งองค์นี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่านทรงโปรดเกล้าวาง ศิลาฤกษ์ ใน ปี พ.ศ.2435 แต่ขณะที่กำลังก่อสร้างพระที่นั่งองค์นี้ ได้เกิดเหตุความไม่สงบ ร.ศ.112 ขึ้น ต่อมา พระองค์ท่านได้มีพระ ์พระราชองค์การรับสั่งให้รื้อพระที่นั่งองค์นี้ แล้วมาสร้างในพระราชวังสวนดุสิต กรุงเทพ มหานคร และพระราชทานนาม ใหม่ว่า พระที่นั่งวิมานเมฆ ซึ่งองค์พระที่นั่งเป็นเรือนไม้สักทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก การก่อสร้างนั้นไม่ได้ใช้ตะปูเข้าเรือน เรือนเลยสักตัว เป็นการสร้างเรือนไม้ด้วยช่างไม้หลวงฝีมือชั้นครู ภายใน พระจุฑาธุชราชสถานปัจจุบันเหลือเพียงฐาน ของอาคารซึ่งเป็นคานคอดินที่เหลือให้พวกเรา ได้จินตนาการว่า องค์พระที่นั่งวิมานเมฆได้เคยก่อสร้างเป็นอาคารริมทะเลที่สวยงามอย่างมาก
- เรือนวัฒนา
จัดแสดงนิทรรศการที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สำคัญในเกาะสีชังในสมัยรัชกาลที่ 5
- สะพานอัษฎางค์
อยู่ในบริเวณพระตำหนัก เป็นสะพานที่รัชกาลที่ 5 ท่านทรงใช้เป็นท่าขื้นเทียบเรือหลังจากที่เสด็จประพาสฝรั่งเศส ที่เห็นนี่คือบูรณะใหม่ทั้งหมดแล้ว แต่ว่ายังคงรูปแบบสภาพเดิมทั้งหมด
เกาะสีชังเกาะสีชัง
- อัษฎางค์ประภาคาร
อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีศิลาอยู่ใต้น้ำอยู่ตรงปากช่องทางเรือ ทั้งนี้เพื่อเป็นที่ สังเกต แก่เรือที่จะเดินเข้าออก
- พระเจดีย์อุโบสถ วัดอัษฎางค์นิมิตร
เป็นพระอุโบสถที่อยู่ในเขตพระราชวัง มีลักษณะแตกต่างจากที่อื่น คือ พระอุโบสถอยู่ใต้เจดีย์ทรงกลมแบบ ลังกาตัวพระ อุโบสถสร้างแบบสถาปัตยกรรมแบบโกธิค บริเวณพระเจดีย์อุโบสถยังมีต้นศรีมหาโพธิ์ ซึ่งนำหน่อ มาจากพุทธคยา ประเทศอินเดียปลูกไว้ด้วย พระเจดีย์อุโบสถนี้ที่ตั้งอยู่บนเขา ณ ตำแหน่งที่สูงมองเห็นได้ชัด และจากองค์พระเจดีย์ สามารถมองเห็นทัศนียภาพบริเวณพระราชฐานโดยรอบ รวมถึงภูมิทัศน์ทางทะเลที่สวย
เกาะสีชังเกาะสีชัง
2. ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ 
ตั้งอยู่บนเขาห่างจากท่าเรือเทววงศ์ไปทางด้านเหนือของเกาะ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเกาะสีชังให้ความเคารพนับถือ ลักษณะเป็นถ้ำซึ่งดัดแปลงเป็นศาสนสถาน ที่ผสมผสานด้วยสถาปัตยกรรมจีนและไทย จากบริเวณศาลมองเห็น ทิวทัศน์บ้านเรือนด้านหน้าเกาะได้ชัดเจน
เกาะสีชังอ
3. มณฑปรอยพระพุทธบาท
อยู่สูงขึ้นไปบนยอดเขาเดียวกับศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ รัชกาลที่ 5 ทรงอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ บนยอดเขาเป็น จุดชมทิวทัศน์ทะเลได้โดยรอบ
4.ช่องเขาขาด 
ตั้งอยู่ด้านหลังของเกาะ หากนั่งเรือผ่านจะเห็นเป็นช่องเขา ในบริเวณมีสะพานสำหรับเดินชมทิวทัศน์สามารถ ชม พระอาทิตย์ตกได้สวยงาม มีหาดหินกลม ซึ่งเต็มไปด้วยหินกลม ๆ ขนาดต่าง ๆ มากมาย ในอดีตเคยเป็น ที่ตั้ง พลับพลาที่ประทับชมทิวทัศน์ของรัชกาลที่ 5
เกาะสีชัง
5.แหลมมหาวชิราวุธ
แหลมมหาวชิราวุธ คล้ายกับแหลมพรมเทพ แต่เล็กกว่าเป็นแหลมที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของเกาะสีชัง มีสะพาน ที่ทอดยาวยื่นออกไปยังแหลม นักท่องเที่ยวนิยมไปตกปลาที่นั่นกันมากเพราะเป็นโขดหินมากมายเป็นแหล่งที่อยู่ อาศัยของฝูงปลาหลายชนิด และสวยงามเป็นอย่างมาก แหลมสลิดยังเ็ป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกในยามเย็นอีก ด้วยในฤดูหนาวพระอาทิตย์ตกน้ำจะมีดวงใหญ่โตเป็นพิเศษ
เกาะสีชังเกาะสีชัง
6.หาดถ้ำเขาพัง 
ตั้งอยู่ด้านตะวันตกของเกาะ เป็นชายหาดกว้าง สะอาดและสวยงาม มีทรายละเอียด น้ำใสสะอาดเหมาะแก่ การเล่นน้ำการเดินทางท่องเที่ยวบนเกาะ เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะสีชังอยู่ห่างกันพอสมควร จะสะดวก มาก หากจะเช่ารถสามล้อเครื่องจากท่าเทียบเรือไปชมสถานที่ต่าง ๆ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษก็เที่ยวได้ทั่วเกาะ ค่าเช่ารถสามล้อเครื่อง คิดเป็นรอบ ๆ ละประมาณ 150-250 บาท ขึ้นอยู่กับระยะเวลาและระยะทาง 
เกาะสีชังเกาะสีชัง
7.แหลมจักรพงษ์
เป็นแหลมที่สวยงามอีกแห่ง เลยหาดถ้ำพัง ไปทางทิศตะวันตก ใช้เส้นทางเดียวกันกับเส้นทางไปหาดถ้ำพัง บริเวณริมฝั่ง ทะเลจะเป็นโขดหินขนาดใหญ่ สวยงาม เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกน้ำที่สวยงามและมีจุดพักของ นักท่องเที่ยวปลูก เป็นกระโจมเล็กๆกลมกลืนกับบรรยากาศ ได้อย่างสวยงสมและลงตัวลงตัว
ขอขอบคุณภาพสวยๆจาก
คุณเอ http://phitchaphat.multiply.com
คุณน้ำพี้ http://nampee.multiply.com
คุณลูมิซิโอะ http://lumixio.multiply.com
1. รถยนต์ส่วนตัว 
จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนสายบางนา - ตราด มุ่งหน้าสู่จังหวัดชลบุรี จากตัวเมืองชลบุรี มุ่งหน้าสู่บางแสน (หลักกิโล เมตรที่ 104 ท่านจะถึงแยกขวามือเข้า หาดบางแสน ) จากทางเข้าหาดบางแสน ขับตรงไปประมาณ 13 กิโลเมตร จะถึง ห้าง โรบินสันศรีราชา ซึ่งอยู่ทางขวามือของท่าน ( ตรงห้างโรบินสัน คือ หลักกิโลเมตรที่ 117 ) จากนั้นให้ เลี้ยวขวาตรง ห้างโรบินสัน จากนั้นขับตรงไปยังท่าเรือเกาะลอย ประมาณ 2 กิโลเมตร ก็จะถึง ท่าเรือเกาะลอย
**หากท่านต้องการค้างคืนสามารถจอดรถไว้ืที่ฝั่งเกาะลอยๆได้**
2. รถโดยสารสาธารณะ
สามารถขึ้นรถได้ 2 แห่ง คือ
- สถานนีเอกมัย นั่งรถกรุงเทพ - สัตหีบ หรือกรุงเทพ - ศรีราชา หรือ กรุงเทพ - พัทยา แล้วไปลงที่ หน้าห้าง โรบินสัน ศรีราชา จากนั้นเดินข้ามฝั่งไปยังห้างโรบินสัน แล้วนั่งมอเตอร์ไซต์รับจ้างหรือสามล้อเครื่องไป ยังท่าเรือเกาะลอย ( ค่าโดยสาร 40 บาท )
- สถานีหมอชิตรถออกทุกครึ่งชัวโมง ตั้งแต่เวลา 05.00-20.00 น. ยกเว้นวันจันทร์ที่มีรถออกตั้งแต่ 04.30 น.


จากศรีราชา(ท่าเรือเกาะลอย) ไปยังเกาะสีชัง(ท่าเรือเทววงศ์)
มีเรือโดยสารออกจากท่าเรือเกาะลอยทุกวันตั้งแต่ 6.00 -20.00 น. ออกทุกชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางประมาณ
15 นาทีจากเกาะสีชังมายังท่าเรือเกาะลอย ศรีราชาก็เช่นกัน แต่ในวันเสาร์อาทิตย์จะเพิ่มรอบเรือเวลา 7.00 น. ด้วย ค่าโดยสาร 40 บาท
**รายละเอียดสอบถามได้ที่เรือสีชังพาเลซ โทร. 038 216 276-82 หรือ เรือแสงประทีปบริการ
โทร. 038 313 687
การเดินทางท่องเที่ยวบนเกาะสีชัง
เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะสีชังอยู่ห่างไกลกันพอสมควร นักท่องเที่ยวจึงนิยมเช่ามอเตอร์ืไซต์หรือสามล้อ เครื่อง สกายแลป (นั่งได้ 3- 4คน) ค่ารถมอเตอร์ไซต์วันละ 250 บาท, ค่ารถสกายแลป 150-250 บาท แล้วแต่การ แวะชม สถานที่ท่องเที่ยวจุดใดบ้างซึ่งท่านสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ ของเทศบาล ตำบลเกาะสีชัง เทศบาลตำบลเกาะสีชัง 038 216 141
สีชังพาเลซ 81 หมู่ 1 ถ.อัษฏางค์ ต.เทววงษ์ โทร 081 403 4111,081 372 7087,038 216 030
http://www.sichangpalace.com/
มาลีบูฮัท โทร โทร 081-654-2211, 085-092-9424 http://www.maleeblue.com/
พวงพยอมพวงพยอม ซีบีช รีสอทร์ โทร 081 864 3731,081 723 5726 http://www.topthaitravel.com/puangpayom.html
เกาะสีชังรีสอร์ท โทร 089 125 6598 , 087 148 7474 ,085 973 1403 http://www.kohsichangresort.com/
เบนส์ บังกะโล 80 หมู่ 3 ถ.อัษฏางค์ ต.เทววงษ์ โทร. 0 3821 6091
ทิวไผ่ เกสท์เฮ้าส์ 8 หมู่ 2 ต.เทววงษ์ โทร. 0 38 216 084-5
ศรีพิษณุ 28/2 หมู่ 3 ต.เทววงษ์ โทร. 038 216 034 โทรสาร 0 3821 6336
ถ้ำพังบีช รีสอร์ท 169 หมู่ 3 ต.ท่าเทววงษ์ อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี 20120 โทร. 089 142 7553, 081 860 7360
081 863 3360
สีชังวิวรีสอร์ท 91 หมู่ 6 ต.เทววงษ์ โทร. 038 216 210-1 ,086-555-6578 http://www.sichangview.com/
กรีนเฮ้าส์ บังกะโล 84 หมู่ 6 ต.เทววงษ์ โทร. 038 216 024 
ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก- http://www.si-chang.com
- การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

ตลาดน้ำอโยธยา


สถานที่ท่องเที่ยวรอบนี้ ผมจะพาไปเที่ยว ตลาดน้ำอโยธยา ที่จังหวัดอยุธยากันครับ
ตลาดน้ำอโยธยานี้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เนื่องจากต้องการให้ พื้นที่เมืองอโยธยา ที่อยู่บริเวณรอบเกาะกรุงศรีอยุธยา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง ที่สะท้อนวิถีชีวิตของชาวกรุงเก่า ความเป็นอยู่ของคนเมืองรวยน้ำใจ และ อู่ข้าวอู่น้ำ ที่สำคัญ ซึ่งทุกวันนี้แทบจะหาไม่ได้แ้ล้ว กลับคืนมาอีกครั้ง



ภายในตลาดน้ำประกอบไปด้วย พื้นที่ส่วนที่เป็นน้ำ อยู่ตรงกลาง ล้อมรอบด้วยพื้นที่บก แบ่งเป็น 16 โซน ตามชื่ออำเภอต่างๆ ในจังหวัดอยุธยา มีทั้งโซนของกินในเรือ จะนั่งรัปประทานริมน้ำ หรือ จะเดินไปทานไปไม่ว่ากัน แ้ล้วแต่สะดวก เรื่องของกินนั้นไม่ต้องห่วง เพราะที่นี่ เขาคัดสรรของอร่อยทั่วเมืองไทยมารวมกันไว้ ส่วนของฝากที่ระลึก ก็มีให้เลือกชมเลือกช๊อปมากมาย สไตล์เก๋ไก๋ เดินกี่รอบก็ไม่เบื่อ ซึ่งร้านค้าขายของต่างๆ ที่เข้ามาขาย ส่วนมาก ก็เป็นคนในพื้นที่ นับเป็นการกระจายรายได้ และสร้างอาชีพสู่ชุมชน ได้เป็นอย่างดี


ขนมของฝากตลาดน้ำอโยธยา

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมมากมาย ทั้งเวทีการแสดงพื้นบ้านต่างๆ รอบตลาด ขี่ช้างชมโบราณสถาน ถ่ายรูปคู่เสือ นั่งรถม้า ขับเอทีวี พายเรือในบริเวณตลาดน้ำ การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย อาทิ เช่น รำโขน เพลงฉ่อย เพลงละคร hilight ยามค่ำคืนกับการแสดง มินิไลท์ แอนด์ ซาวน์
วันธรรมดา มี 3 รอบ วันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ มี 4 รอบ
เรียกว่า เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้ทั้งอาหารตาและอิ่มท้องในคราวเดียวกัน ที่สำคัญเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เปิดให้เที่ยวชมทุกวัน ตั้งแต่เช้ายัน่ค่ำ

แผนผังตลาดน้ำอโยธยา

นักท่องเที่ยวเยอะมาก


ขอขอบคุณ เวปเมืองไทย.com (www.muangthai.com) สำหรับข้อมูล และภาพประกอบบางส่วน

สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดร้อยเอ็ด พระมหาเจดีย์ชัยมงคล

ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว จังหวัดร้อยเอ็ด

พระมหาเจดีย์ชัยมงคล

อำเภอหนองพอก จ.ร้อยเอ็ด
พระมหาเจดีย์ชัยมงคล ตั้งอยู่ในบริเวณวัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วราราม บนยอดภูเขาเขียว แนวเทือกเขาภูพาน อำเภอหนองพอก ใกล้กันมีหน้าผาสูงชันซึ่งมีน้ำไหลตลอดปี ชาวบ้านเรียกว่า ผาน้ำย้อย 
พระมหาเจดีย์ชัยมงคล ได้รับการออกแบบให้เป็นศิลปกรรมร่วมสมัยระหว่างภาคกลางและภาคอีสาน เป็นการผสมผสานระหว่างพระปฐมเจดีย์และพระธาตุพนม เป็นพระเจดีย์ที่ใหญ่องค์หนึ่งของประเทศไทย มีความกว้าง 101 เมตร ความยาว 101 เมตร ความสูง 101 เมตร สร้างในเนื้อที่ 101 ไร่ มีทั้งหมด 5 ชั้น คือ
ชั้นที่ 1 เป็นห้องโถงกว้างใหญ่ โดยรอบแกะสลักประดับแบบลายไทย มีรูปปั้นหลวงปู่ศรี มหาวีโร ผู้ก่อตั้ง 
ชั้นที่ 2 เป็นห้องประชุมสงฆ์ขนาดใหญ่ รองรับพระภิกษุสงฆ์ได้ 2,000-3,000 รูป 
ชั้นที่ 3 เป็นชั้นอุโบสถและประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ และรูปปั้นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังทั่วประเทศไทยถึง 101 องค์ 
ชั้นที่ 4 นอกจากจะเน้นภาพประดับสวยงามแล้ว ยังสามารถชมทัศนียภาพภูเขาเขียวได้ 4 ทิศ
ชั้นที่ 5 เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ระหว่างเวลา 06.00-17.30 น.
การเดินทาง ใช้เส้นทางสายร้อยเอ็ด-อำเภอโพนทอง-อำเภอหนองพอก ระยะทาง 62 กิโลเมตร จากตัวเมืองร้อยเอ็ด ตามทางหลวงหมายเลข 2044 และ 2136 


พระโกนา

อำเภอสุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด

กู่พระโกนา ตั้งอยู่ที่บ้านกู่ วัดกู่พระโกนา หมู่ 2 ตำบลสระคู ปัจจุบันมีวัดสร้างอยู่ในบริเวณเดียวกัน กู่พระโกนา ประกอบด้วย ปรางค์อิฐ 3 องค์ บนฐานศิลาทราย เรียงจากเหนือ-ใต้ ทั้งหมดหันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีกำแพงล้อมและซุ้มประตูเข้า-ออกทั้ง 4 ด้าน ก่อด้วยหินทรายเช่นกัน 
ปรางค์องค์กลางถูกดัดแปลงเมื่อ พ.ศ. 2417 โดยการฉาบปูนทับและก่อขึ้นเป็นชั้นๆ แต่ละชั้นมีซุ้มพระทั้ง 4 ทิศ หน้าปรางค์องค์กลางชั้นล่าง สร้างเป็นวิหารพระพุทธบาทประดับเศียรนาค 6 เศียรของเดิมไว้ด้านหน้า ส่วนปรางค์อีก 2 องค์ ก็ได้รับการบูรณะจากทางวัดเช่นกัน แต่ไม่ถึงกับเปลี่ยนรูปทรงอย่างปรางค์องค์กลาง ปรางค์องค์ทิศเหนือทางวัดสร้างศาลาครอบ ภายในมีหน้าบันสลักเรื่องรามายณะ และทับหลังสลักภาพพระนารายณ์บรรทมสินธุ์ติดอยู่ที่เดิม คือเหนือประตูทางด้านหน้า ส่วนทับหลังประตูด้านทิศตะวันตกหล่นอยู่บนพื้น เป็นรูปนารายณ์ทรงครุฑ ปรางค์องค์ทิศใต้ยังคงมีทับหลังของเดิมเหนือประตูหลอกด้านทิศเหนือ เป็นภาพเทวดานั่งชันเข่าในซุ้มเรือนแก้วเหนือหน้ากาล นอกจากนี้ทางด้านหน้ายังมีทับหลังหล่นอยู่ที่พื้น เป็นภาพพระอิศวรประทับนั่งบนหลังโค และมีเสานางเรียงวางอยู่ด้วย สันนิษฐานว่า กู่พระโกนาเดิมจะมีสะพานนาคและทางเดิน ประดับเสานางเรียงทอดต่อไปจากซุ้มประตูหน้าไปยังสระน้ำ หรือบารายซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 300 เมตร จากรูปแบบลักษณะทางศิลปกรรมทั้งหมดของภาพสลัก และเสากรอบประตู ซึ่งเป็นศิลปะขอมที่มีอายุในราว พ.ศ. 1560-1630 (แบบบาปวน) สันนิษฐานว่ากู่พระโกนาคงจะสร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่16
การเดินทาง อยู่ห่างจากอำเภอเมือง 60 กิโลเมตร ไปตามทางหลวงหมายเลข 215 ผ่านอำเภอเมืองสรวง อำเภอสุวรรณภูมิ จากนั้นเข้าทางหลวงหมายเลข 214 ไปประมาณ 12 กิโลเมตร ถึงกู่พระโกนา อยู่ทางซ้ายมือ ด้านหน้าทางเข้าจะเป็นสวนยาง บริเวณวัดมีลิงแสมอาศัยอยู่ 

หอวัฒนธรรมนิทัศน์ วัดศรีโคมคำ



ดูรูปภาพ หอวัฒนธรรมนิทัศน์ วัดศรีโคมคำ
ชื่อหอวัฒนธรรมนิทัศน์ วัดศรีโคมคำ
ภาคภาคเหนือ
จังหวัดพะเยา

สถานที่ตั้ง ติดกับกำแพงวัดศรีโคมคำ ถนนพหลโยธิน


สิ่งดึงดูดใจ
หอวัฒนธรรมนิทัศน์ วัดศรีโคมคำ เกิดขึ้นด้วยดำริของพระธรรมวิมลโมลีเจ้าอาวาสวัดศรีโคมคำรองเจ้าคณะภาค ๖ (ตำแหน่งในขณะนั้น)ที่ต้องการจะสนองพระราชดำริ ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินทรงนำนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้ามายังวัดศรีโคมคำจังหวัดพะเยา เมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๓๒ ที่จะให้จังหวัดพะเยามีสถานที่จัดแสดงศิลปวัตถุที่พระธรรมวิมลโมลีรวบรวมไว้ ซึ่งมีคุณค่าในเชิงประวัติศาสตร์และโบราณคดี รวมทั้งให้เป็นสถานที่ที่จะให้ความรู้เรื่องเมืองพะเยาในเชิงชาติพันธุ์วิทยา มานุษยวิทยาและธรรมชาติวิทยา สำหรับเป็นแหล่งในการศึกษาค้นคว้าสำหรับนักเรียน นักศึกษาและผู้สนใจทั่วไป หอวัฒนธรรมนิทัศน์มีเนื้อที่ในการจัดแสดงประมาณ ๒,๐๐๐ ตารางเมตร ประกอบด้วยส่วนจัดการแสดง ๖ ส่วนคือ
๑.ห้องกว๊านพะเยา จัดแสดงประวัติความเป็นมาก่อนจะเป็นกว๊านพะเยา จุดที่ตั้ง สถานที่สำคัญของพะเยา จัดแสดงพันธุ์ปลา พืช และเครื่องมือจับปลา
๒.ห้องประวัติเมืองพะเยา จัดแสดงเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ ก่อนจะเป็นอาณาจักร ขุนเจือง พญางำเมืองพะเยายุครุ่งเรือง เครื่องปั้นดินเผา พะเยายุคเสื่อม พะเยายุคฟื้นฟู กบฎเงี้ยว และประวัติพระเจ้าตนหลวง
๓.ห้องวิถีชีวิตและภูมิปัญญาชาวบ้านจัดแสดงวิถีชีวิตที่ผูกพันกับกว๊านพะเยา และปราชญ์ท้องถิ่น
๔.ห้องพะเยากับความหวัง จัดแสดงการพัฒนาเมืองพะเยาและกิจกรรมต่าง ๆ ที่นำความสำเร็จความภาคภูมิใจมาสู่ชาวพะเยา
๕.ห้องคนกับช้าง จัดแสดงความผูกพันระหว่างคนพะเยากับช้าง
๖.ห้องเอกสารท้องถิ่น จัดแสดงเอกสารสิ่งพิมพ์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน


สิ่งอำนวยความสะดวกในหอวัฒนธรรมนิทัศน์วัดศรีโคมคำ
แต่ละห้องจะมีวิทยากรนำชม อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่คนละ ๑๐ บาท เด็กคนละ ๕ บาท มีร้านจำหน่ายของที่ระลึกสถานที่จอดรถกว้างขวาง


เส้นทางเข้าสู่หอวัฒนธรรมนิทัศน์วัดศรีโคมคำ
จากตัวเมืองพะเยาไปทางทิศเหนือตามถนนพหลโยธิน ระยะทางประมาณ ๑ กิโลเมตร

ดอยอินทนน

 
อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ 
     ชื่อนี้มักจะเป็นติดอันดับต้นๆ ของการท่องเที่ยว เดิมชื่อว่า ดอยหลวง หรือ ดอยอ่างกา ดอยหลวง หมายถึงภูเขาที่มีขนาดใหญ่ ส่วนที่เรียกว่า ดอยอ่างกานั้น เพราะมีหนองน้ำอยู่แห่งหนึ่งลักษณะเหมือน อ่างน้ำ มีฝูงกาไปเล่นน้ำกันมากมาย จึงเรียกว่า อ่างกา หรือ ดอยอ่างกา ดอยอินทนนท์ เป็นยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย (2,599 เมตร) จึงทำให้มีสภาพอากาศหนาวเย็นตลอดปี สถานที่น่าสนใจในอุทยานฯ มี น้ำตกแม่ยะ น้ำตกแม่กลาง น้ำตกวชิรธาร น้ำตกสิริภูมิ ถ้ำบริจินดา โครงการหลวงอินทนนท์ และ เส้นทางศึกษาธรรมชาติหลายจุด
  

ปาย สถานที่ท่องเที่ยวอำเภอปาย อำเภอปาย จ. แม่ฮ่องสอน

ปาย เป็นเมืองเล็กๆ ในหุบเขาที่เงียบสงบท่ามภูมิประเทศที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขา เมืองเล็กๆ แห่งนี้มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเที่ยวตลอดปีทั้งชาวไทยและต่างชาติ ปัจจุบันคนไทยมาเที่ยวปายกันมากจนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต โดยจะมากันมากในช่วงฤดูหนาว ถนนคนเดินจะคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติบางคนติดใจจนถึงขนาดอยู่ที่นี่ได้เป็นเดือน ๆ บรรยากาศภายในเมืองปายมีแม่น้ำปายไหลผ่าน สองฝั่งแม่น้ำเป็นที่ตั้งของรีสอร์ทและเกสเฮ้าส์ราคาไม่แพง ภายในเมืองก็จะมีร้านอาหาร ที่นั่งฟังเพลง ร้านอินเตอร์เนต และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ สำหรับนักท่องเที่ยวไว้ให้บริการนักท่องเที่ยวอย่างครบถ้วน








สภาพบรรยากาศเมืองปาย เมืองในแอ่งที่ราบในหุบเขา เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีแม่น้ำปายไหลผ่าน เกิดกิจกรรมท่องเที่ยวหลายอย่าง


นักท่องเที่ยวมาเที่ยวปายส่วนใหญ่มาพักผ่อน ชมบรรยากาศ พักรีสอร์ทที่บรรยากาศดีและเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวในอำเภอปาย และแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่รอบๆ อำเภอปาย ปาย มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่มากมายทั้งวิวทิวทัศน์ แม่น้ำ น้ำตก บ่อน้ำร้อน วัดเก่าแก่ ทุ่งนาป่าเขาแม่น้ำที่นี่มีครบ สถานที่ท่องเที่ยวในอำปายที่เป็นหลักได้แก่ แม่น้ำปาย กองแลน หรือปายแคนยอน วัดน้ำฮู วัดพระธาตุแม่เย็น สะพานเหล็กประวัติศาสตร์ บ่อน้ำร้อนท่าปาย น้ำตกมอแปง น้ำตกแม่เย็น นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่โรแมนติกและสวยงาม ยามค่ำคืนก็มีถนนคนเดินที่เป็นไฮไลท์ของปาย ผู้คนมักนิยมไปเดินเล่นเลือกซื้อหาของที่ถูกใจ เช่น ของฝากจากปาย เสื้อยืดที่มีโลโก้ปาย บ้างก็แวะเข้าไปร้านโปสการ์ดบรรยากาศดี ๆ สักร้านนั่งเขียนอะไรดีๆ ส่งให้กับคนที่เรารักก็ขำดี บ้างก็นิยมไปนั่งฟังเพลงในร้านบรรยากาศดีท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นของปาย ในยามเช้าวันใดที่อากาศดีเมื่อขึ้นบนจุดชมวิวที่สูงๆ ก็จะเห็นทะเลหมอกที่สวยงาม นอกจากปายจะมีแหล่งท่องเที่ยวในตัวเองแล้ว ปายยังเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยวของย่านนี้ นักท่องเที่ยวพักที่ปายแล้วไปเที่ยวรอบๆ ปาย เช่น ถ้ำลอด ห้วยน้ำดัง สวนสนวัดจัน

แนะนำที่เที่ยวจังหวัดเลย

พระธาตุศรีสองรัก

พระธาตุศรีสองรักสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2103 แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2106 ในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์แห่งกรุงศรีอยุธยาเพื่อเป็นสักขีพยานกับพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งกรุงศรีสัตนาคนหตุ(เวียงจันทร์)ว่าสองประเทศจะไม่สู้รบกันอีก พระธาตุมีรูปทรงสัณฐานคล้ายกับพระธาตุพนมและจะมีงานนมัสการใหญ่ทุกปีช่วงเดือน 6 ภายในวัดยังมีพระพุทธรูปปางนาคปรกศิลปะธิเบตให้สักการะ

วัดเนรมิตวิปัสสนา

วัดเนรมิตวิปัสสนา
วัดเนรมิตวิปัสสนา ตั้งอยู่สูงเด่นบนเนินเขา มีพระอุโบสถและเจดีย์ที่ก่อสร้างด้วยศิลาแลงทั้งหลังที่เกิดจากจินตนาการและออกแบบโดยพระและสามเณร ภายในอุโบสถตกแต่งไว้ตามแบบศิลปะมีพระพุทธชินราชจำลองเป็นพระประธานและหุ่นขี้ผึ้งของหลวงพ่อมหาพันธ์ สีลวิสุทโธ ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มได้มรณภาพไปแล้ว และมีภาพจิตรกรรมที่สวยงาม นอกจากนี้ยังมีการจัดแต่งสวนต้นไม้ที่สวยงาม ร่มรื่นและที่สำคัญยังมีต้นไม้ที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาคือ “ต้นสาละ” เป็นต้นไม้ที่พระพุทธเจ้าทรงประสูติ

พิพิธภัณฑ์ผีตาโขน

พิพิธภัณฑ์ผีตาโขน
พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ในวัดโพนชัย ตัวพิพิธภัณฑ์เป็นบ้านเรือนไม้จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของเมืองด่านซ้าย นิทรรศการผีตาโขนและสาธิตการทำหน้ากากผีตาโขนและสินค้าของที่ระลึกผีตาโขนในรูปแบบต่างๆ สามารถเข้าชมได้ทุกวันเสาร์-วันอาทิตย์ เปิดเวลา 9:00น. ปิดเวลา 17:00น.

อ่างเก็บน้ำห้วยกระทิง

อ่างเก็บน้ำห้วยกระทิง
เป็นอ่างเก็บน้ำที่อยู่บนเขาเกิดจากเขื่อนกั้นลำน้ำหมานกับแนวเขาสองลูก ถ้าหากมองจากจุดชมวิวจะมองเห็นอ่างเก็บน้ำเป็นรูปเขากระทิงและมีทัศนียภาพสวยงามของป่าไผ่และภูเขาโอบล้อมทุกด้าน และมีแพของร้านอาหารไว้บริการนักท่องเที่ยวมากมาย

อุทยานแห่งชาติภูเรือ

อุทธยานแห่งชาติภูเรือ
เป็นจุดที่สูงสุดในเขตอุทยานแห่งชาติภูเรือ อยู่สูงประมาณ 1,365 เมตร จากระดับน้ำทะเลเป้นหน้าผาสูงชัน พื้นที่โดยรอบปกคลุมด้วยป่าสนทั้งสนสองใบและสนสามใบสลับกับลานหินธรรมชาติ จากจุดนี้สามารถมองเห็นได้กระทั่งแม่น้ำเหืองและแม่น้ำโขงซึ่งกั้นพรมแดนไทย-ลาว นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปนาลาบรรพตซึ่งอัญเชิญมาจากอยุธยาให้นักท่องเที่ยวได้สักการะอีกด้วย

เชียงคานข้ามไปลาว

เชียงคาน ข้ามไปลาว
สามารถข้ามไปไหว้พระที่ประเทศลาวได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่านักท่องเที่ยวสามารขอทำบัตรผ่านชั่วคราวคือไปเช้าเย็นกลับ ค่าหนังสือผ่านแดน 30 บาท ค่าธรรมเนียมที่ด่าน ตม. 20 บาท ค่าเรือโดยสารคนละ 50บาท และค่าข้ามไปเหยียบแผ่นดินของทางลาวเขาอีก 50 บาท
เอกสารที่ต้องเตรียม


  • 1.รูปถ่าย 2 นิ้ว 2 รูป รูปสีหรือขาวดำก็ได้(ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน)








  • 2.สำเนาบัตรประชาชน





  • เชียงคาน

    เชียงคาน
    เป็นเมืองที่สงบติดริมแม่น้ำโขงฝั่งตรงข้ามก็เป็นประเทศเพื่อนบ้านเมืองแห่งนี้ ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเสน่ห์ที่นี่ไม่ได้อยู่ที่บ้านไม่เก่าแก่สองข้างทางและก็ไม่ใช่เพราะร้านขายของที่บรรยากาศสุดชิวล์เพียงอย่างเดียวยังมีเจ้าของบ้านและชาวบ้านที่มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีและรอยยิ้มที่จริงใจให้แก่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนจนชุ่มชื่นและประทับใจกันทั่วหน้า

    แก่งคุดคู้

    แก่งคุดคู้
    เป็นแก่งหินใหญ่ขวางอยู่กลางลำน้ำโขงประกอบด้วยหินก้อนใหญ่จำนวนมาก จากการที่หินเหล่านี้ได้อยู่ใต้น้ำเป็นเวลานานทำให้หินเหล่านี้มีสีสัน ส่วนตัวแก่งนั้นกว้างเกือบจรดสองฝั่งแม่น้ำโขง เวลาที่เหมาะจะชมแก่งคุดคู้ที่สุดคือช่วงเดือน กุมภาพันธ์-พฤษาคม ซึ่งเป็นเวลาที่แม่น้ำโขงแห้งจะทำให้เห็นเกาะแก่งชัดเจนและยังมีเรือไว้บริการนักท่องเที่ยวสำหรับพาชมรอบแก่งและวิถีชีวิตตามริมแม่น้ำโขงของประเทศเพื่

    Palio Khaoyai (ปาลิโอ เขาใหญ่)

    Palio Khaoyai (ปาลิโอ เขาใหญ่)
    สถานที่ในเขาใหญ่ที่กำลัง HIP คือ Palio หรือ ปาลิโอ ตั้งอยู่บนถนนธนะรัชต์ หลักกิโลเมตรที่ 17 ติดกับโรงแรมจุลดิศ เขาใหญ่ รีสอร์ท แอนด์ สปา ท่านจะได้สัมผัส Palio เขาใหญ่ในบรรยากาศอิตาลี จนเผลอคิดว่าเราอยู่ในอิตาลีจริงๆ เพราะไม่ว่าจะเป็นอาคารถูกออกแบบให้เป็นกลุ่มอาคารถนนคนเดิน หรือสถาปัตยกรรมยุโรปโบราณแนวอิตาเลี่ยนสไตล์ที่รายล้อม แถมคำว่า Palio ยังเป็นภาษาอิตาเลียน หมายถึง "รางวัล" อีกด้วย


    ปาลิโอ เขาใหญ่
    ปาลิโอ เขาใหญ่ : จังหวัดนครราชสีมา

    New walking street shopping center อาณาจักรใหม่ของชีวิตคนเขาใหญ่ เดินทางสะดวก สู่ศูนย์กลางความทันสมัยของคนเมือง ค้นพบจินตนาการแห่งความสุขที่ไม่สิ้นสุดได้ด้วยตัวคุณ แรงบันดาลใจเกิดขึ้นทุกวินาทีที่ Khaoyai Village Mall สัมผัสสุนทรีย์แห่งความบันเทิงได้ครบทุกความต้องการ ในบรรยากาศอิตาลี จนเผลอคิดว่าเราอยู่ในอิตาลีจริงๆ เพราะไม่ว่าจะเป็นอาคารถูกออกแบบให้เป็นกลุ่มอาคารถนนคนเดิน หรือสถาปัตยกรรมยุโรปโบราณแนวอิตาเลี่ยนสไตล์ที่รายล้อม


    ร้านเล็กๆ น่ารักๆ เป็นแนวลดหลั่นเรียงกันมากมาย
    ภายใน Palio เขาใหญ่ มีร้านเล็ก ๆ เป็นแนวลดหลั่นเรียงกันมากมาย มีสินค้าแทบจะทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น ของแต่งบ้าน, เสื้อผ้าแฟชั่น, เครื่องประดับ, เครื่องเสียง, งานดีไซน์ต่าง ๆ, ธนาคาร, ร้านขายของที่ระลึก, พืชผักปลอดสารพิษ ร้านไวน์ Coffee Shop, Pub & Restaurant, Bakery ร้านเสริมสวย Spa ร้านขายยา ร้านขายหนังสือ ศูนย์อาหาร ร้าน IT ฯลฯ โดยแต่ละร้านจะได้รับการออกแบบให้มีสไตล์ และเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่กลมกลืนเข้าภูมิทัศน์ล้อมรอบที่ดำรงความเป็นธรรมชาติของเขาใหญ่



    บรรยากาศสไตล์อิตาเลี่ยน
    นอกจากนี้ยังมีพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ ได้แก่ สวนหย่อม น้ำพุ ลานอเนกประสงค์สำหรับจัดการแสดงหรือดนตรี ห้องแสดงสินค้าหรือนิทรรศการ แต่ถ้าอยากเต็มอิ่มกับ Palio เขาใหญ่ ก็ลองหาที่พักที่เหมาะสมกับกระเป๋าตัวเองที่มีให้เลือกหลายราคา และนี่ก็คือ Palio เขาใหญ่ สถานที่ท่องเที่ยวสุด Chic