My Calander

วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ประเทศออสเตรเลีย  





           ออสเตรเลียมีชื่อประเทศอย่างเป็นทางการว่า "เครือรัฐออสเตรเลีย"(Commonwealth Australia) ออสเตรเลียเคยเป็นประเทศอาณานิคมของอังกฤษมาก่อน ปัจจุบันออสเตรเลียเป็นประเทศในจักรภพ ที่ตั้ง ประเทศอยู่บนเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก และในขณะเดียวกันออสเตรเลียก็เป็นทวีปทีเล็กที่สุดในโลกด้วยออสเตรเลียเป็นประเทศ"ใหม่"แม้จะมีประวัติความเป็นมาในการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ที่ไม่ยาวนาน ไม่มีร่องรอยอารยธรรมโบราณที่เป็นรากเหง้าของอารยธรรมโลก แต่ออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีเอกลักษณ์ของตนเอง มีธรรมชาติสวยงาม หลากหลาย เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าไปเยือน มีเสน่ห์อย่างยิ่งด้วยความมีน้ำใจและความเป็นกันเองของคนออสเตรเลียกับความสวยบริสุทธิ์ของธรรมชาติ
ภูมิอากาศและที่ตั้ง       ออสเตรเลียตั้งอยู่ในซีกโลกใต้ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศไทยลักษณะประเทศเป็นเกาะ ออสเตรเลีย เป็นทวีปที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก แต่เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ระหว่างมหาสมุทรอินเดีย  และมหาสมุทรแปซิฟิกเป็นประเทศในเครือจักรภพอังกฤษ มีสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 แห่งราชอาณาจักรอังกฤษเป็นประมุข
            พื้นที่ของเกาะมีประมาณ 7.6 ล้านตารางกิโลเมตร มีชายฝั่งทะเลที่งดงาม ชายหาดขาวสะอาด มีป่าดงดิบและป่าชื้นเขตร้อนที่ยังคงความสมบูรณ์ และเป็นธรรมชาติที่สุดแห่งหนึ่ง พื้นที่ของประเทศมีทั้งแห้งแล้งและอุดมสมบูรณ์ ประมาณหนึ่งในสามเป็นทะเลทราย แต่พื้นที่แถบชายฝั่งด้านตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐออสเตรเลียตะวันตก และรัฐทัสเมเนียมีความอุดมสมบูรณ์มาก ฝนตกชุกที่นี่มีสัตว์และพืชรวมทั้งดอกไม้ป่าหลายชนิดที่ไม่สามารถพบเห็นได้ในดินแดนอื่น เช่น จิงโจ้ โคอะล่า วอมแบต ดิงโก้ พอสซั่ม ตุ่นปากเป็ด และตัวกินมด
สภาพภูมิอากาศ           สภาพภูมิอากาศของออสเตรเลียแตกต่างกันในแต่ละรัฐ สภาพอากาศทั่วไป จะเป็นแบบเขตร้อนจนถึงเขตอบอุ่น อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดที่ทัสมาเนียประมาณ0-12 องศาเซลเซียส และร้อนสุดที่มณฑลตอนเหนือประมาณ 33-34 องศาเซลเซียส
*ฤดูใบไม้ผลิ กันยายน-พฤศจิกายน อากาศดี ดอกไม้บานสวยงาม
*ฤดูร้อน ธันวาคม-กุมภาพันธ์ อากาศร้อนและแห้งแล้ง บางแห่งร้อนจัดและ อาจมีไฟป่า
*ฤดูใบไม้ร่วง  มีนาคม-พฤษภาคม อากาศเริ่มเย็นลง ตามเมืองชายฝั่งทาง ตอนใต้และเมืองในเขตป่า ฝนจะตกชุก บางแห่งอาจมีน้ำท่วม
*ฤดูหนาว มิถุนายน-สิงหาคม อากาศเย็นจัดมีหิมะตกบนเขตภูเขาสูงโดยทั่วไป
เวลา  ประเทศออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้าง จึงมีความแตกต่าง
ของเวลาตามมาตรฐานกรีนิช  (Greenwich Mean  Time, GMT) โดยจัดแบ่ง
ออกเป็น 3 โซน ดังนี้
Eastern Standard Time-EST เร็วกว่าเวลา GMT 10 ชั่วโมงและเร็วกว่า
ประเทศไทย    3 ชั่วโมง ใช้ในรัฐ New South Wales, Victoria, Tasmania,
Queensland และ Canberra
Central Standard Time-CST เร็วกว่าเวลา GMT 9.5 ชั่วโมงและเร็วกว่า
ประเทศไทย 2 ชั่วโมงครึ่ง ใช้ในรัฐ South Australia และเขตปกครอง
Northern Territory
Western Standard Time-WST เร็วกว่าเวลา GMT 8 ชั่งโมงและเร็วกว่า
ประเทศไทย 1 ชั่วโมง ใช้ในรัฐ Western Australia
Daylight Saving - ในช่วงฤดูร้อน ประเทศออสเตรเลียจะมีเวลาในช่วง
กลางวันยาวนานกว่าในช่วงกลางคืน   ดังนั้น ในรัฐ Victoria,
New South Wales, South Australia และ Tasmania จึงมีการปรับเวลาให้
เร็วขึ้นจากเดิมอีก 1 ชั่วโมง ในช่วงเดือนตุลาคมจนถึงมีนาคม

เที่ยวออสเตรเลีย


            ออสเตรเลียเป็นประเทศที่กว้างใหญ่ไพศาล และมีภูมิประเทศที่หลากหลายเส้นทางท่องเที่ยวที่สำคัญมีหลายเส้นทาง เช่น เริ่มต้นที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ จากซิดนีย์ไปโกลด์โคสต์ บริศเบน จากซิดนีย์ไปเมลเบิร์นและแคนเบอร์รา รัฐออสเตรเลียตะวันตก เริ่มที่เมืองเพิร์ธ และปิดท้ายที่เมืองโฮบาร์ของรัฐแทสเมเนีย
รัฐนิวเซาท์เวลส์ (New South Wales  รัฐนิวเซาท์เวลส์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของทวีป
ออสเตรเลียติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก มีอาณาเขตติดต่อกับรัฐควีนสแลนด์ทางทิศเหนือติดต่อกับรัฐวิกตอเรียทางทิศใต้ เป็นรัฐใหญ่อันดับ 4 ของออสเตรเลียมีประชากรประมาณ 6 ล้านคน
ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ใน 3 เมืองใหญ่ของรัฐคือ ซิดนีย์ นิวคาสเซิล และวูลองกอง ประชากรมากกว่าครึ่งหนึ่งของรัฐอยู่ในซิดนีย์  รัฐนิวเซาท์เวลส์เป็นรัฐที่ชนผิวขาวมาตั้งถิ่นฐานอยู่เป็นแห่งแรกใน
ออสเตรเลียรัฐนี้จึงเป็นแหล่งศึกษาประวัติศาสตร์ของออสเตรเลีย เมื่อมีการพบทองคำในออสเตรเลีย ทุกคนจากทุกสารทิศหลั่งไหลมาที่รัฐนี้ ทำให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับ หลังจากยุคตื่นทองก็มาถึงยุคทำเหมืองถ่านหิน รัฐนิวเซาท์เวลส์กลายเป็นรัฐที่ร่ำรวยที่สุดในออสเตรเลีย นอกเหนือจากผลผลิตทางการเกษตรที่ได้ผลมากในแถบที่ราบทางตะวันตกของเทือกเขาใหญ่The Great Dividing Range ที่สามารถผลิตข้าวสาลีและผลไม้ต่าง ๆ มากกว่า 80% ของผลผลิตทางการเกษตรโดยรวมของประเทศ รัฐนิวเซาท์เวลส์มีภูมิประเทศที่หลากหลาย เมืองที่เจริญของรัฐ เช่น ซิดนีย์ นิวคาสเซิล จะตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลที่ยาวเหยียด ประกอบด้วยหาดทรายสีขาวโค้ง
รูปพระจันทร์เสี้ยว พื้นที่ทางตอนในลึกเข้าไปในแผ่นดินเป็นทะเลทรายระหว่างพื้นที่ชายฝั่งทะเลกับทะเลทรายคั่นด้วยเทือกเขาใหญ่ที่ยังไม่มีการบุกเบิก
          ดอกไม้ประจำรัฐนิวเซาท์เวลส์ คือ ดอกวอราทาห์ สัตว์พื้นเมือง
ประจำรัฐ คือ ตุ่นปากเป็ด
ซิดนีย์ (Sydney)  ซิดนีย์เป็นเมืองหลวงของรัฐนิวเซาเวลส์ เป็นเมืองที่สำคัญที่สุดทันสมัย
และใหญ่ที่สุดในออสเตรเลีย ซิดนีย์มีประชาการหนาแน่นมากที่สุดในออสเตรเลียมีจำนวนเกือบ 4 ล้านคน แม้จะเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในออสเตรเลีย แต่ซิดนีย์ก็เป็นเมืองที่ทันสมัยที่สุดเพราะเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจการค้า การธนาคาร แฟชั่น
       ซิดนีย์ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่สวยที่สุดเมืองบหนึ่งของโลก โดยเฉพาะอ่าวซิดนีย์ หรือ Sydney Harbour เป็นอ่าวที่ได้รับการยกย่องว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซิดนีย์ฮาร์เบอร์สวยงามด้วยสิ่งก่อสร้างบที่เป็นสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของโลก คือโรงอุปรากรวิดนีย์ หรือซิดนีย์โอเปร่าเฮาส์ ที่มีหลังคาสร้างเป็นรูปเปลือกหอย ซิดนีย์ฮาร์เบอร์และโอเปร่าเฮาส์อยู่บริเวณที่มีชื่อชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Port Jackson ซึ่งอยู่ลึกเข้ามาจากมหาสมุทร 20 กิโลเมตร แบ่งซิดนีย์ออกเป็นโมงลอด ใต้ทะเลเชื่อมซิดนีย์ทั้งสองฝั่งเข้าไว้ด้วยกัน แม่น้ำพารามัตตา แม่น้ำสายสำคัญของรัฐนิวเซาท์เวลส์ไหลลงสู่ทะเลที่อ่าวนี้




สถานที่ท่องเที่ยวในซิดนีย์

ย่านเดอะร็อคส์ (The Rocks)
จุดแรกในซิดนีย์ที่ควรไปเยือนคือ ย่านเดอะร็อคส์ ซึ่งเป็นย่านชุมชนแห่งแรกที่ชาวยุโรปมาตั้งถิ่นฐานอยู่ในออสเตรเลีย เป็นย่านเมืองเก่าแก่ที่สุด จุดเริ่มต้นประวัติศาสตร์ของออสเตรเลีย บริเวณเดอะร็อคส์ยังมีคุกที่ใคมขังนักโทษในสมัยนั้นกิจกรรมที่นาสนใจที่เดอะร็อคส์คือการเที่ยวชมจุดสำคัญในประวัติศาสตร์ 31แห่งในย่านเดอะร็อคส์นี้ ซึ่งแนะนำโดยThe Rocks self -Guide Tour เป็นการท่องเที่ยวแบบตามรอยประวัติศาสตร์

โรงอุปรากรซิดนีย์ (Sydney Opera House)
ตั้งอยู่ที่ Bennelong Point ด้วยรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์แปลกตา โรงงานอุปร่ากรซิดนีย์หรือซิดนีย์โอเปร่าเฮาส์ สร้างด้วยเงินจากการขายล็อตเตอรี่มูลค่ามากกว่า 100 ล้านเหรียญ เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้อ่าวซิดนีย์เป็นอ่าวที่สวยที่สุดในโลกปัจจุบันโอเปร่าเฮาส์เป็นแลนด์มาร์กของออสเตรเลีย
      จุดชมวิวที่สวยที่สุด และเหมาะสำหรับการถ่ายภาพซิดนีย์โอเปร่าเฮาส์ คือถ่ายรูปจากเรือที่พาชมอ่าว แต่ถ้าต้องการจะไปทัวร์ภายในอาการ ก็สามารถทำได้ในวันที่ไม่มีการแสดงโดยมีทัวร์นำชมสถานที่ทุกครึ่งชั่วโมงระหว่างเวลา 9.00-16.00 น.
พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย (Museum of Contemporary Art) 
ตั้งอยู่บนถนนจอร์จ ภายในมีงานศิลปะร่วมสมัยที่น่าสนใจแสดงอยู่จำนวนมาก ทั้งผลงานของศิลปินออสเตรเลียและศิลปินจากทั่วทุกมุมโลก
สวนพฤกษศาสตร์ (Royal Botanic Gardens)สวนสวยขนาดใหญ่นี้ อยู่ติดกับโอเปร่าเฮาส์ เลาะไปตามริมอ่าวซิดนีย์เป็นสวนที่มีพันธ์ไม้นานาชนิดในพื้นที่กว่า 30 เฮกตาร์ เป็นสวนสาธารณะที่ร่มรื่นชาวซิดนีย์นิยมไปเดินเล่นหรือไปอกกำลังกายกัน โบตานิกการ์เด้นนี้เป็นสวนเก่าแก่มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1816
พิพิธภัณฑ์ศิลปะนิวเซาท์เวลส์ (Art Gallery of New South Wales) อยู่ใหล้กับสวนพฤกษศาสตร์ เป็นที่แสดงงานศิลปะเอเซียศิลปะอะบอริจิน และศิลปะร่วมสมัย
ซิตี้เซ็นเตอร์ (City Centre)ใจกลางเมืองซิดนีย์ ซึ่งเป็นย่านธุรกิจการค้า แหล่งช้อปปิ้งอยู่ทางทิศใต้ของเซอร์คูลาร์คีย์ ไปจนจรดสถานีรถไฟ Central stationที่มี่นี่ก็จะเต็มไปด้วยย่านการค้าที่สำคัญคือMartin Place ซึ่งจัดให้เป็นถนนคนเดินมีร้านค้าขายของทันสมัยเรียงรายอยู่สองฝั่งถนน มีห้างสรรพสินค้าชื่อดัง เดวิด โจนส์ 
ดาร์ลิงฮาร์เบอร์ (Darling Harbour)อยู่ทางตะวันตกของอ่าวซิดนีย์ ย่านนี้เป็นแหล่งบันเทิงและแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของซิดนีย์ เพราะเป็นที่ตั้งของ SydneyExhibition Centre กับ sydneyaquarium แลพิพิธภัณฑ์เรือ
ไชน่าทาวน์ (China Town) ถิ่นนี้เป็นที่รวมอาหารจีน และอาหารเอเชียนานาชนิด ซึ่งสมารถหากินได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นขนมจีบ ซาลาเปาหมูแดง เป็ดย่าง ไปจนถึงอาหารภัตตาคารระดับอาหารฮ่องเต้ นอกจากนี้ยังมีตลาดสดขายผักผลไม้และร้านขายของที่ระลึก ร้านสินค้าปลอดภาษี สินค้าที่ทำในฮ่องกงหรือจีนในราคาย่อมเยามีมากมาย
ตลาดปลา (Sydney Fish Market)
เป็นสวรรคค์ของคนชอบอาหารทะเล ตลาดสดของวิดนีย์เป็นตลาดสดขายอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรเลีย
ย่านคิงส์ครอส (Kings Cross)เป็นย่าน "ไฟแดง" ของซิดนีย์ เปรียบได้กับย่าน พัฒน์พงศ์ ของกรุงเทพฯ แถวนี้เป็นที่ตั้งของโรงแรมที่พักหลายแบบตั้งแต่โรงแรมชั้นหนึ่งไปจนถึงห้องพักราคาประหยัด นอกจากแหล่งบันเทิงยามราตรีแล้ว คิงส์ครอสยังมีภัตตาคารและร้านอาหารมากมาย
ฮาร์เบอร์บริดจ์ (Harbour Bridge) เป็นสะพานโครงเหล็กที่มีช่วงกลางระหว่าตอม่อ 2 ข้างยาวที่สุดในโลก เมื่ออยู่บนสะพานจะมองเห็นโอเปร่าเฮาส์ และวิวเมืองซิดนีย์ได้สวยงามที่สุด ดังนั้นจึงมีผู้คิดจัดทัวร์พิเศษขึ้นสำหรับผู้ที่รักการผจญภัย โดยพานักท่องเที่ยวพร้อมอุปกรณ์ป้องกันอุบัติเหตุไต่ขึ้นไปบนโค้งสะพานราคาค่าทัวร์ไต่สะพานคนละ 155 เหรียญ วันเสาร์-อาทิตย์แพงกว่าธรรมดา คือ 175 เหรียญ  และมีการไต่ตอนกลางคืนราคา 225 เหรียญ โดยราคานี้จะรวมภาพถ่ายให้ด้วย เพราะไม่อนุญาติให้นำกล้องหรือสัมภาระอื่นใดขึ้นไปเด็กอายุ 12-16 ปี ต้องมีผู้ใหญ่ไปด้วยหากสนใจต้องจ่ายล่วงหน้าเพราะกำลังเป็นที่นิยมมาก
แมนลีย์บีซ (Manly Beach)
เป็นชายหาดปากอ่าวซิดนีย์ ช่วงที่เปิดสู่มหาสมุทรเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจยอดนิยมของชาวซิดนีย์
บอนไดบีช (Bondi Beach)
เป็นชายหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดของซิดนีย์ อยู่ทางตอนใต้ของตัวเมืองใช้เวลาขับรถราว30 นาที หนุ่มสาวนิยมมาเล่นกระดานโต้คลื่นกันมีที่พักราคาถูก
เทือกเขาสีน้ำเงิน (Blue Mountains)
บลูเมาเทนส์เป็นเขตวนอุทยานแห่งชาติที่ปกคลุมไปด้วยกัม ต้นไม้ตระกูลยูคาลิปตัส ซึ่งมีใบสีเขียวเข้มไอระเหยของน้ำมันที่ออกจากใบกัมปกคลุมไปทั่วหุบเขา เมื่อมองดูจากไกล ๆ จะเห็นทิวเขาที่ปกคลุมด้วยต้นกัมกลายเป็นสีน้ำเงิน
ชิมไวน์ที่ฮันเตอร์วัลเลอร์ (Hunter Valley)
เป็นแหล่งปลูกองุ่นผลิตไวน์อันลือชื่อของออสเตรเลียบริษัทผู้ผลิตไวน์บางรายมีอายุเก่าแก่ 100 ปี ในเขตที่เรียกว่าLower Hunter นักท่องเที่ยวที่เข้าไปชมการผลิตไวน์จะได้ชิมไวน์ด้วยนอกจากจะมีไวน์จำหน่ายแล้วบางแห่งจะเป็นที่พักแรม ที่ให้บริการแบบรีสอร์ทกลางไร่องุ่น
สนามกีฬาโอลิมปิก (Homebush Bay/Sydney Olympic Stadium)
ในปี ค.ศ. 2000 ซิดนีย์เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกสนามกีฬาที่ใช้ในการแข่งขันกีฬา ซึ่งสร้างอยู่ในบริเวณโฮมบุชเบย์ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองซิดนีย์ออกไปราวครึ่งชั่วโมง กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่งของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนรัฐนิวเซาท์เวลส์
กรุงแคนเบอร์ร่า (Canberra)
 
แคนเบอร์ร่าเป็นเมืองหลวงของออสเตรเลีย ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ที่เรียกว่า เขตนครหลวง แคนเบอร์ร่าเป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็น Man-made City เพราะเป็นเมืองที่สร้างขึ้นใหม่ จากการออกแบบวางผังเมืองอย่างฉลาด ทำให้แคนเบอร์ราเป็นเมืองที่สวยงามและมีระเบียบ ประชากรราว 3000,000 คน แคนเบอร์ราอยู่ห่างซิดนีย์ 300 กิโลเมตร อยู่ห่างจากเมล์เบิร์น 650 กิโลเมตร
แคนเบอร์ราเป็นเมืองที่มีผังเมืองสวยงาม สถานที่ท่องเที่ยวในแคนเบอร์รา
ทะเลสาบกริฟฟิน (Lake Burley Griffin)
ทะเลสาบกริฟฟิน ตั้งชื่อตามสถาปนิกผูออกแบบเมือง เป็นทะเสสาบขุดกว้างใหญ่อยู่ใจกลางเมือง ตรงกลางมีน้ำพุชื่อว่า Captain Cook Memorial  Water Jet ซึ่งพุ่งได้สูงถึง140 เมตร มองเห็นได้จากทุกมุมเมือง น้ำพุนี้จะเปิดในเวลา
10.00-12.00 น. และ14.00-16.00 น. ในฤดูร้อนจะเปิดในช่วงค่ำ
19.00-21.00 น. ด้วย
อาคารรัฐสภา (Parliament House)
อยู่ทางด้านใต้ของทะเลสาบบนเนินเขาชื่อ Capital Hill  เป็นอาคารที่ออกแบบก่อสร้างอย่างทันสมัย มีจุดเด่นอยู่ที่เสาธงซึ่งมีขนาดใหญ่สูงเด่นเป็นสง่า ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 8 ปี สร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1988 หอศิลป์แห่งชาติ (The Nation Gallery of Australia) อยู่ข้างอาคารศาลสูง เป็นที่รวบรวมงานศิลปะของออสเตรเลียตั้งแต่ผลงานศิลปะของออสเตรเลียตั้งแต่ผลงานศิลปะดั้งเดิมของชาวอะบอริจินิสจนถึงผลงานสมัยใหม่ของศตวรรษที่ 20 ดดยศิลปินชาวออสซี่คนสำคัญ ๆ เช่น ฮาร์เธอร์ บอยด์  และซดนีย์ โนแลน
อนุสรณ์สถานทหารแห่งออสเตรเลีย (Australian War Memorial)
ตั้งอยู่บนถนน Anzac Parade เป็นอนุสรณ์สถานสำหรับรำลึกถึงทหารผู้รับใช้ชาติมนสงครามต่าง ๆ ที่ออสเตรเลียได้มีส่วนร่วมด้วย มีอาคารพิพิธภัณฑ์อาวุธ หอแสดงภาพเกี่ยวกับสงคราม ห้องจำลองสมรภูมิในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ห้องฉายภาพยนต์ ฯลฯ
โรงกษาปณ์ (The Royal Australian Mint)
เป็นที่ผลิตเหรียญกษาปณ์และเงินเหรียญที่ใช้ในออสเตรเลีย เปิดให้เข้าชมการผลิตเหรียญและมีนิทรรศการเหรียญหายากให้ชมฟรี
หอสมุดแห่งชาติ (The National Library)
หอสมุดที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรเลียแห่งนี้ มีหนังสือภาษาต่าง ๆ นอกจากภาษาอังกฤษมากมาย ที่น่าสนใจคือมีมุมหนังสือภาษาไทยด้วยห้องแสดงนิทรรศการมีกิจกรรมที่น่าสนใจให้ชมทั้งปี กับทั้งมีร้านค้าจำหน่ายหนังสือ,และของที่ระลึก
หอเทลสตรา (Telstra Tower)
ตั้งอยู่บน Black Mountian หอมีความสูง 195 กิโลเมตร บนหอเป็นที่ชมวิวเมืองแคนเบอร์รา เปิดให้ขึ้นชมทิวทัศน์ระหว่างเวลา 9.00-22.00 น. มีภัตตาคารบริการอาหารและเคื่งดื่มที่ชั้นบนสุดของหอ ต้องเสียค่าใช้จ่ายเข้าชม 3.30 เหรีญญ ติดต่อสอบถามได้จาก Black Mountian Drive
ช้อปปิ้งในแคนเบอร์รา
ร้านค้าและศูนย์การค้าในคแนเบอร์รา  จะอยู่ใจกลางเมือง คือสถานที่รวมห้างสรรพสินค้า ร้านของดีไซเนอรื และร้านขายของสารพัดชนิด แหล่งช้อปปิ้งที่น่าสนใจก็คือ ศูนย์การค้า Munuka ซึ่งอยู่ใกล้ย่านสถานฑูตและศูนย์การค้าในพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ มีสินค้าประเภทนี้จำหน่ายด้วย
***รัฐวิกตอเรีย (Victoria)***     รัฐวิกตอเรียเป็นรัฐที่เล็กที่สุดของทวีปออสเตรเลีย (ไม่นับรัฐแทสเมเนียซึ่งเป็นเกาะ) ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของทวีป เป็นรัฐที่มีขนาดเล็กที่สุดแต่มีประชากรหนาแน่นมากที่สุด รัฐวิกตอเรียมีประชากรทั้งรัฐเกือบ 5 ล้านคนเมืองหลวงชื่อเมลเบิร์น ตั้งอยู่ริมแม่น้ำยาร์รา วิกตอเรีย เป็นรัฐแรกที่มีธงประจำรัฐ  รัฐวิกตอเรียได้ชื่อว่าเป็นรัฐที่เจริญมากที่สุดกว่าทุกรัฐของออสเตรเลียและมีสวนสาธารณะมากที่สุดจนได้รับขนานนามว่า Garden State 

เมลเบิร์น (Melbourne)
    เมลเบิร์นเป็นเมืองหลวงของรัฐวิกตอเรีย กล่าวกันว่าเป็นเมืองที่สวยที่สุดในออสเตรเลีย ด้วยบรรยากาศที่เหมือนบ้านเมืองในยุโรป มีสวนสาธารณะอยู่มากมายทั่วเมือง ถนนแทบทุกสายมีต้นไม้ขึ้นครึ้มทั้งสองฝั่งถนนเมลเบิร์นเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมทางศิลปวัฒนธรรมต่ง ๆ และเคยเป็นสถานที่จัดการแข่งขันกีฬาระดับโลกหลายครั้ง
ซิตี้เซ็นเตอร์ (City Centre)
     จุ
ดที่เป็นศูนย์กลางเมืองของเมลเบิร์นที่ได้ชื่อว่า  " golden mile"  คือช่วงถนนCollin กับถนน Bourke ที่ถูกตัดถนนด้วยถนน Swanston กับถนน Elizabateย่านนี้เป็นย่านช้อปปิ้งของชาวเมลเบิร์น เป็นช่วงที่ห้ามรถส่วนบุคคลเข้ามามีเฉพาะรถรางเข้ามาได เพื่อให้เป็นถนนคนเดินเท่านั้น
พิพิธภัณฑ์เมลเบิร์น (Melbourne Museum)
      เป็นอาคารของรัฐที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรเลีย เป็นแล่งความรู้และแสดงสิ่งที่น่าสนใจมากมายด้านเทคโนโลยีทันสมัยล่าสุด มีเรื่องราวของชนพื้นเมืองประวัติศาสตร์ ประดิษฐกรรมต่าง ๆ รถยนต์ และเครื่องบินลำแรกที่ทำในออสเตรเลีย ที่น่าสนใจคือร่างสตัฟฟ์ของม้าแข่งฝีเท้าระดับหนึ่งของโลก ชื่อ"ฟ้าแลบ" ซึ่งไปพบจุดจบอย่างมีปริศนาที่อเมริกา นอกจากนั้นยังมีโรงภาพยนตร์ IMAX และการจำลองป่ามาให้ผู้ชมได้ศึกษาชีวิตธรรมชาติด้วย
บ้านกัปตันคุก (Captain Cook' s Cottage)
      ค้นพบออสเตรเลียเดิมอยู่ที่เมือง Yorkshire ประเทศอังกฤษ ออสเตรเลียได้ขอซื้อมาเพื่อนำมาตั้งในสวนฟิตชรอย ตัวบ้านเป็นบ้านเก่าที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1755 การขนย้ายทำโดยรื้อออกเป็นส่วน ๆ ส่งลงเรือมาประกอบใหม่ในสวนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานฉลองวันครบรอบร้อยปีของเมืองเมลเบิร์นเมื่อปีค.ศ.1934 ในบ้านจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับกัปตันคุก โยตกแต่งให้มีบรรยากาศสมัยที่กัปตันคุกยังมีชีวิตอยู่ ช้อปปิ้งในเมลเบิร์น
**เพิร์ธ (Perth)**
   
เป็นเมืองหลวงของรัฐ เป็นเมืองทันสมัยตั้งอยู่ริมแม่น้ำสวอน กล่าวกันว่าเพิร์ธเป็นเมืองที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวห่างไกลจากเมืองอื่น ๆ มากที่สุดในโลกเพิร์ธมีประชากรราว 1 ล้าน 3 แสนคน ปัจจุบันเมืองเพิร์ทเป็นเมืองที่ทันสมัยเมืองหนึ่งอของออสเตรเลีย ย่านการค้าใจกลางเมืองมีขนาดใหญ่นัก อยู่ที่เฮย์สตรีท สภาพอากาศโดยทั่วไปจะอบอุ่นสบาย หน้าหนาวไม่หนาว
และแสงแดดจัดตลอดทั้งปี

สถานที่ท่องเที่ยวในเพิร์ท

คิงส์ปาร์ก (Kings Park)
   
เป็นสวนรุกขชาติที่อยู่ติดเมือง ทำเลที่ตั้งสวนนี้อยู่บนเชิงเขาที่สูงกว่าตัวเมืองจึงทำให้ที่นี่เป็นจุดชมวิวเมืองเพิร์ธที่ดีทีสุด
ลอนดอนคอร์ต (London Court)
   
เป็นกลุ่มอาคารสถาปัตยกรรมทิวดอร์ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่18 ตั้งอยู่ระหว่างเฮย์สตรีทจอร์จเทอเรซ ปัจจุบันเป็นแหล่งช้อปปิ้งลอนดอนคอร์ตของนักท่องเที่ยวที่พากันมาถ่ายรูป
สวนสัตว์เพิร์ธ (Perth Zoo)    อยู่ทางฝั่งใต้ของเพิร์ธ ตรงข้ามกับตัวเมือง ตรงข้ามแม่น้ำสวอนมาทางท่าเรือที่ถนนบาร์เร็กสวนสัตว์นี้ได้ชื่อว่าเป็นสวนสัตว์ที่ดีที่สุดของออสเตรเลียมีสัตว์ที่น่าสนใจให้ชมมากมายในบรรยากาศสวนที่ร่มรื่น
โรงกษาปณ์ของเมืองเพิร์ธ (Perth Mint)
    เปิดให้เข้าชมวิธีการทำทองให้บริสุทธิ์ และการหลอมทองคำแท่ง การผลิตเหรียญเงิน การทำเหรียญตราต่าง ๆ
หาดทรายชายทะเล
     เพิร์ธเป็นเมืองชายหาดสวยงาม มีชื่อเสียงว่าเหมาะกับการเล่นเซิร์ฟและพักผ่อน เฉพาะในเขตเมืองเพิร์ธมีหาดทรายมากถึง 19 แห่ง ชายหาดที่สวยงามและสงบพบอยู่ริมฝั่งแม่น้ำสวอนหลายหาด ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดี คือ หาดที่ Peppermint Grove Crawley และ Como ส่วนหาดที่อยู่ริมมหาสมุทรอินเดีย คือ Cottesloe ,Port และ Scarborough นอกจากนี้ยังมีหาดที่เป็น nude beach หนึ่งแห่งคือ หาด Swanbourne
 http://choktaweetour.com/index_info.php?ID=1



 เที่ยวประเทศสิงคโปร์





สิงคโปร์ตั้งอยู่กลางสี่แยกของโลกทำเลอันยอดเยี่ยมนี้ทำให้สิงคโปร์เติบโตจนเป็นศูนย์กลางการค้าการสื่อสารและการท่องเที่ยวสำคัญของโลกตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของที่นี่คือ 136.8 กม.เหนือเส้นศูนย์สูตรโดยตั้งอยู่ระหว่างเส้นแวงที่ 103 องศา 38 ลิปดาตะวันออกกับเส้นแวงที่ 104 องศา 06 ลิปดาตะวันออกเกาะแห่งนี้เชื่อมต่อกับมาเลเซียด้วยสะพานข้ามทะเลสองสายคุณสามารถเดินทางจากที่นี่ไปเกาะหลักของหมู่เกาะเรียว(Riau) ประเทศอินโดนีเซียได้โดยเรือข้ามฟากเป็นระยะทางสั้นๆหรือจะขึ้นเครื่องบินเพียงครู่เดียวก็ถึงประเทศไทยและฟิลิปปินส์แล้ว สิงคโปร์มีสนามบินหนึ่งแห่งที่ให้บริการแก่สายการบินมากกว่า 69สายที่นี่คือประตูสู่ภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ ประชากรของสิงคโปร์มีจำนวนเกือบ 4 ล้านคน ประกอบด้วยคนจีน 77% มาเลย์ 14% อินเดีย 8% และอีก 1% เป็นลูกครึ่งยุโรปเอเชียและเผ่าพันธุ์อื่นๆผู้อยู่อาศัยดั้งเดิมของที่นี่คือชาวประมงเชื้อสายมาเลย์ แต่หลังจากที่เซอร์สแตมฟอร์ดแรฟเฟิลมาที่นี่และมีการสร้างสถานีค้าขายของอังกฤษสิงคโปร์ก็กลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้อพยพและพ่อค้ามากมายพวกเขาเหล่านั้นเสาะหาชีวิตที่ดีกว่าให้กับตนเองและครอบครัว คนเหล่านี้เดินทางมาจากทางตอนใต้ของจีน อินโดนีเซีย อินเดีย ปากีสถาน ลังกา และตะวันออกกลาง ถึงแม้ว่าจะมีการแต่งงานระหว่างเผ่าพันธุ์เกิดขึ้นตลอดทั้งปีแต่กลุ่มเชื้อชาติในสิงคโปร์ก็ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของตนเอาไว้ในขณะเดียวกันก็พัฒนาไปในฐานะส่วนประกอบหนึ่งของชุมชนสิงคโปร์สิงคโปร์ประกอบด้วยเกาะหลักหนึ่งเกาะ และเกาะขนาดจิ๋วล้อมรอบอีก 63 เกาะ เกาะหลักมีเนื้อที่พื้นดินรวม 682 ตารางกิโลเมตรอย่างไรก็ตามขนาดอันเล็กกะทัดรัดนี้กลับสวนทางกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในช่วงเวลาเพียง 150 ปี สิงคโปร์ก็เติบโตจนกลายเป็นศูนย์กลางการค้าและอุตสาหกรรมที่มั่งคั่ง บทบาทในอดีตในฐานะจุดพักสินค้านั้นไม่มีอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากประเทศสิงคโปร์มีฐานการผลิตแบบอุตสาหกรรมในประเทศของตนแล้วสิงคโปร์เป็นท่าเรือที่พลุกพล่านที่สุดในโลก มีบริษัทเดินเรือกว่า 600 รายส่งเรือบรรทุกน้ำมันขนาดยักษ์ เรือบรรทุกตู้สินค้า และเรือโดยสารประเภทต่างๆมาเพื่อแบ่งปันการใช้น่านน้ำอันวุ่นวายแห่งนี้ นอกจากนี้ยังมีเรือหาปลาตามชายฝั่งและเรือท้องแบนที่ทำจากไม้อีกด้วยสิงคโปร์เป็นศูนย์กลางการกระจายและกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของโลก และยังเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเป็นผู้นำด้านการต่อเรือและการซ่อมเรือ นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในทวีปเอเชีย ที่นี่มีธนาคารมากกว่า 130 แห่งการเจรจาทางธุรกิจจะดำเนินไปได้อย่างสะดวกรวดเร็วด้วยเครือข่ายการสื่อสารที่ยอดเยี่ยมของสิงคโปร์ ที่เชื่อมต่อประเทศนี้เข้ากับโลกส่วนที่เหลือผ่านทางดาวเทียมพร้อมด้วยระบบโทรเลขและโทรศัพท์ตลอด 24ชั่วโมง ทำเลทางยุทธศาสตร์ของสิงคโปร์สถานที่และอุปกรณ์อันยอดเยี่ยม ความแตกต่างทางวัฒนธรรมอันน่าทึ่งและสถานที่ท่องเที่ยวสิ่งเหล่านี้ล้วนมีส่วนช่วยให้สิงคโปร์ประสบความสำเร็จในฐานะผู้นำทั้งในด้านธุรกิจและความบันเทิง
ดอกไม้ประจำชาติของ สาธารณรัฐสิงคโปร์ คือ Vanda Miss Joaquim เป็นกล้วยไม้ในกลุ่ม แวนด้า

 แหล่งท่องเที่ยว   
ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ (UNIVERSAL STUDIO) ดินแดนมหาสนุก...ท่องโลกจินตนาการ มีเครื่องเล่นมากมายทั้งหมด 7 โซน
เปิดบริการ 09:00 – 18:00 (เล่นกี่รอบก็ได้ตามใจชอบ) ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ สิงคโปร์ ในพื้นที่ 49 เอเคอร์ในเกาะเซ็นโตซ่า รายล้อมด้วยความเขียวชอุ่ม ของทะเลสาบ มีรีสอร์ทห้องพัก 1,800 ห้องจากโรงแรมระดับหรู 6 ดาวที่หลากหลายรูปแบบ มีทั้งยังมี คาสิโน เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งอยู่ที่โรงแรม Crockford Tower
        1) Battlestar Galactica เครื่องเล่นรถไฟเหาะตีลังการางคู่ที่สูงที่สุดในโลก
2) Far Far Away Castel ปราสาทแห่งวีระบุรุษ เชร็คและเจ้าหญิงฟิโอน่า
3) Madagascar A CrateAdventure เป็นการนั่งเรือผจญภัยชมสัตว์ต่างๆ เสมือนท่านกำลังอยู่ในภาพยนตร์เรื่อง Madagascar
4) Revenge of The Mummy ขุดหาสมบัติของฟาโรห์ และค้นหาปริศนาแห่งมัมมี่
5) Water World ชมการแสดงกิจกรรมผาดโผนต่างๆ จากภาพยนตร์ชื่อดัง แสดงจริง แสง สี เสียง จริง ท่านจะตื่นเต้นประทับใจไม่รู้ลืม
6) Jurassic Park Rapids Adventure ผจญภัยในดินแดนไดโนเสาร์, เหล่าสัตว์โลกล้านปี
7) Hollywood Boulevard สัมผัสโรงละครสไตล์บรอดเวย์ ฮอล ลีวู๊ด วอล์ออฟ เฟรม ศูนย์รวมแห่งความ บันเทิงของจักรวาลอย่างแท้จริง
(อาหารกลางวันอิสระเพื่อให้ท่านได้สนุกอย่างเต็มที่)
อาหารให้เลือกมากมาย กว่า 56 ร้าน หลากหลายสไตล์ ทั้งในส่วนของยูนิเวอร์แซล และในส่วนของ Festive Walk, New York Town, Food Court Center) หลังจากความสนุกสนานจบลงเรียบร้อยแล้ว ขอเชิญท่านเดินเล่นใน Festival Walk เปิดตลอด 24 ชั่วโมง สนุกกับการ ช้อปปิ้ง สินค้ามากมาย เช่นตัวการ์ตูน ของฝากที่ระลึก

เกาะเซ็นโตซ่า(Sentosa)  เกาะแห่งความสนุกของการท่องเที่ยว เมื่อก่อน เกาะเซ็นโตซ่า (Sentosa) ชื่อว่าเกาะแห่งความตาย แต่เดิมเกาะแห่งนี้เป็นหมู่บ้านของชาวประมง และต่อมาเกิดโรคระบาด คนบนเกาะจำนวนมากต้องเสียชีวิตลง จึงได้มีการตั้งชื่อเกาะตามภาษามาลายูว่า บลากัง มาติ (Balakang Mati) ซึ่งหมายถึงเกาะแห่งความตาย ต่อมาสมัยสงครามโลก อังกฤษได้เข้ามาทำเกาะนี้เป็นป้อมปราการเพื่อป้องกันการโจมตีทางน้ำ เมื่ออังกฤษถอนทัพไปในปี 1968 รัฐบาลสิงคโปร์จึงได้ปรับปรุงเกาะให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและเปลี่ยนชื่อเกาะเป็นเซ็นโตซ่า (Sentosa) ซึ่งหมายถึงสันติภาพและความสงบสุข และเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการในปี 1972 เป็นต้นมา
การเดินทางมาเกาะเซ็นโตซ่า จะสามารถเดินทางมาได้ทั้งหมด 3 ทาง คือ Sentosa Express (รถไฟ), Cable Car (กระเช้าลอยฟ้า) และ รถประจำทาง
การเดินทางโดย Sentosa Express จะใช้เวลาเดินทางเพียง 4 นาทีเท่านั้น โดยจะต้องไปซื้อบัตรรถไฟลอยฟ้าที่ห้าง Vivo City ชั้น 3 โดยให้บริการตั้งแต่ 7:00 - 24:00 น.ค่าโดยสารคนละ 3 SGD บัตรสามารถใช้ได้ทั้งขาไปและขากลับ และ เมื่อใช้เสร็จแล้วไม่ต้องคืน เก็บไว้เป็นที่ระลึกได้เลย  เพียงแค่ 4 นาทีก็มาถึงเกาะเซ็นโตซ่าแล้ว เราสามารถเลือกลงได้ 2 สถานี คือ Imbiah station และ Beach station ซึ่งเราสามารถดูได้จากแผนที่ของเกาะเซ็นโตซ่าว่าเราต้องการไปเที่ยวจุดไหนก่อน เราก็ลงที่สถานีใกล้ๆ กับจุดที่เราจะไป
เมอร์ไลออน หรือ สิงโตทะเล  ถูกออกแบบขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของคณะกรรมการการท่องเที่ยวของสิงคโปร (Singapore Tourism Board - STB) ในปี 1964 – รูปปั้นนี้มีหัวเป็นสิงโต ร่างเป็นปลา ยืนอยู่บนยอดคลื่น ต่อมาไม่นานทั่วโลกก็ถือกันว่าสิงโตทะเลตัวนี้คือเครื่องหมายประจำชาติสิงคโปร์ แต่เดิมรูปปั้นนี้ตั้งอยู่ที่สวนสิงโตทะเล (Merlion Park) ข้างๆสะพานเอสพลาเนด (Esplanade Bridge) แม่สิงโตและลูกสิงโตได้กลายเป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยว มีการจัดพิธีติดตั้งสิงโตทะเลในวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 1972 โดยมีประธานในพิธีคือนายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ ณ เวลาดังกล่าว ซึ่งก็คือ นายลี กวน ยู  สิงโตตัวนี้สูง 8.6 เมตร มีน้ำหนัก 70 ตัน ทำจากวัสดุจำพวกซีเมนต์ โดยช่างฝีมือชาวสิงคโปร์ผู้เสียชีวิตไปแล้วที่ชื่อนายลิมนังเซ็ง ส่วนรูปปั้นสิงโตทะเลตัวที่สองจะมีขนาดเล็กกว่า ขนาดสูง 2 เมตรและหนัก 3 ตัน ก็ถูกสร้างขึ้นโดยนายลิมเช่นกัน ตัวสิงโตทำจากวัสดุจำพวกซีเมนต์ ผิวหนังทำจากแผ่นกระเบื้อง และตาทำจากถ้วยชาสีแดงขนาดเล็ก
น้ำพุแห่งความมั่งคั่ง (Fountain of Wealth)  ตำแหน่งของน้ำพุแห่งความมั่งคั่ง ตั้งอยู่ตรงใจกลางระหว่างหมู่อาคาร Suntec City หรืออยู่ใจกลางฝ่ามือซึ่งหงายขึ้นนั่นเอง ก็เพราะมีความเชื่อว่าน้ำไหลของน้ำพุเปรียบเสมือนกับเงินทองที่ไหลเข้าฝ่ามือไม่หยุดหย่อนน้ำพุแห่งความมั่งคั่ง(Fountain of Wealth)
เป็นน้ำพุที่ใหญ่ที่สุดในโลก น้ำพุแห่งความมั่งคั่งสร้างขึ้นในปีพ.ศ.2540(ค.ศ. 1997)และ Guinness Book ได้ทำการจดบันทึกสถิติไว้ในปี พ.ศ.2541 ว่าเป็นน้ำพุที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตัวน้ำพุทำเป็นสีบรอนซ์และประกอบด้วยวงแหวนกลมที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 66 เมตร ความสูง 13 เมตร บริเวณฐานของน้ำพุมีพื้นที่ 1,683 ตารางเมตร นอกจากนี้ยีงมีการแสดงน้ำพุประกอบแสง สีเสียง 3D Laser ซึ่งมีความสวยงามเป็นอย่างมากใครที่มีโอกาสที่ได้เดินรอบฐานกลางของน้ำพุสามครั้งและสัมผัสน้ำทุกครั้งก็จะรับความโชคดีและมีความมั่งคั่งในทรัพย์สินตามมา ขั้นตอนการสัมผัสน้ำจะต้องใช้มือขาวสัมผัสน้ำและอธิษฐาน จากนั้นเดินวนตามเข็มนาฬิกาให้ได้ 3 รอบ คำอธิษฐานก็จะเป็นผล อันนี้ฟังเขามา สำเร็จหรือไม่ลองพิสูจน์ดูนะค่ะ

สำหรับตารางเวลาในการแสดงเปิดให้เข้าชม
09:00 - 22:00 น.
แสดงเลเซอร์โชว์                20:00 น. ,20:30 น. ,21:00 น. (3 รอบเท่านั้น)

เปิดให้สัมผัสน้ำ
09:00 น. - 12:00 น.
14:30 น. - 18:00 น.
19:00 น. - 19:45 น.
21:30 น. - 22:00 น.
ด้วยสาเหตุนี้น้ำพุแห่งความมั่งคั่งจึงได้รับความนิยมและโด่งดังมาก จนมีนักท่องเที่ยวทั่วโลกโดยเฉพาะชาวจีน ด้วยความเชื่อตามโหงวเฮ้งฮวงจุ้ย เพื่อความเป็นสิริมงคลจึงมีผู้คนมาเที่ยวชมกันล้นหลาม


มารีน่า เบย์ แซนด์ (Marina Bay Sand)  รีสอร์ทหรูใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์    มารีน่า เบย์ แซนด์ส ประกอบไปด้วยห้องพักและห้องสูทกว่า 2,561 ห้อง อีกทั้งโรงแรมยังมีไฮไลท์ คือ The Sands SkyPark ตั้งอยู่ชั้นที่ 57 ของโรงแรม เป็นสถาปัตยกรรมรูปร่างคล้ายเรือตั้งอยู่บนอาคารทั้ง3 แซนด์ส สกาย พาร์คนี้ถือว่าเป็นสวนลอยฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่กว้างขวางกว่า 12,400 ตร.ม. และจัดเป็นสวนลอยฟ้าที่มีความสูง 200 ม. ใช้หลักการเดียวกับวิศวกรรมสร้างสะพาน เชื่อมอาคารทั้ง 3 เข้ากัน ถือว่าเป็นสวนลอยบนชั้นดาดฟ้าที่ใหญ่ที่สุดของเอเชีย มีความยาวกว่าความสูงของหอไอเฟลบนสวนได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม มีต้นไม้ใหญ่ 250 ต้น และไม้ประดับอีก 650 ต้น มีร้านอาหารที่หรูหรา รวมถึง The Sky on 57 ที่จะมีเชฟชื่อดังจากสิงคโปร์ เชฟ Justin Quekเป็นผู้ควบคุมดูแลร้านอาหาร มีดาดฟ้าที่งดงามให้นักท่องเที่ยวได้มองวิวสิงคโปร์ได้โดยรอบในมุมสูง และยังมีสระว่ายน้ำขนาด 150 ม. เป็นสระว่ายน้ำกลางแจ้งบนที่สูงที่ใหญ่สุดที่ในโลกอีกด้วย

ท่าเรือคลาร์ก (Clarke Quay)  ช้อปปิ้ง กินดื่ม แล้วสนุกที่ริมแม่น้ำสายนี้! จุดเด่นของที่นี่คือโกดังเก็บของที่ซ่อมแซมแล้วจำนวน 5 ช่วงตึก ท่าเรือคลาร์ก (Clarke) คือทางเลือกที่แหวกแนวไปจากแหล่งท่องเที่ยวทั่วๆไป ที่นี่มีร้านขายของมือสองและของเก่า ตลาดนัดที่ขายของมือสองในวันอาทิตย์และร้านอาหารที่มีอาหารและเครื่องดื่มให้เลือกมากมาย ตกเย็นคุณก็ไปที่เธคและผับเพื่อสนุกกับเพลงมากมายตั้งแต่ยุคซิกตี้จนถึงปัจจุบัน หรือจะหวาดเสียวไปกับรีเวอร์สบันจี้ G-Max ของเรา! ออกแบบและพัฒนาในนิวซีแลนด์เมื่อแปดปีที่แล้ว G-Max เป็นเครื่องเล่นแบบนี้อันแรกสุดของสิงคโปร์ วิธีการก็คือ คนสามคนจะนั่งอยู่ในแคปซูลเสริมเหล็กกล้าแบบเปิดโล่งที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ยึดติดกับสายรีเวอร์สบันจี้ที่ติดกับเสาสองต้น สายบันจี้ของเราผ่านการรับรองจากสหรัฐอเมริกาแล้ว จากนั้นสายก็จะถูกดึงแล้วปล่อย ทำให้แคปซูลถูกดีดไปในอากาศสูงถึง 60 เมตรที่ความเร็ว 200 กม.ต่อชั่วโมง รอบหนึ่งจะเด้งอยู่ราว 5 นาที
ท่าเรือแห่งนี้ตั้งชื่อตามเซอร์ แอนดรูว์ คลาร์ก ผู้ว่าคนที่สองของสิงคโปร์ ท่าเรือ Clarke Quay แห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางด้านการค้าขายที่นี่เคยมีเรือท้องแบนจำนวนมหาศาลทำการขนส่งสินค้าทวนน้ำไปที่โกดังสินค้า ใกล้ๆกับทางเข้าท่าเรือคลาร์กที่ถนนริเวอร์แวลเลย์ คุณจะเห็นโรงน้ำแข็งแวมโป (Whampoa's Ice House) ซึ่งเป็นของนายฮูอาเคย์ (Hoo Ah Kay) ผู้อพยพยุคแรกจากแวมโป ประเทศจีน เขาเป็นคนนำเข้าน้ำแข็งจากบอสตันในช่วงกลางศตวรรษที่ 18 ก่อนที่จะมีเครื่องทำน้ำแข็งในประเทศสิงคโปร์ คุณจะสังเกตเห็นว่าพ่อค้าชาวจีนและชาวยุโรปต่างก็นำรูปแบบทางสถาปัตยกรรมของตนเข้าสู่บริเวณนี้ 

โรงละครเอสพลานาด (Esplanade) โรงละครบนชายหาดเป็นหนึ่งในศูนย์แสดงศิลปะที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง เปิดตัวอย่าง เป็นทางการเมื่อ 12 ตุลาคม 2002 เดิมนั้นเปิดในปี 1943 โดยตั้งอยู่บนสวนซึ่งตอนนี้นั้นมี พื้นที่ 2.4 เฮคเตอร์ (ประมาณ 24,000 ตารางเมตร) ริมถนนคอนนอท (Connaught Drive) โดยตั้งอยู่ตรงข้ามซิตี้ ฮอลล์ (City Hall) ในปี 1985 รัฐบาลได้มีโครงการที่จะสร้างศูนย์แสดงศิลปะขึ้นในสิงคโปร์และลงความเห็นว่าเอสพลานาดนั้นเป็นสถานที่ที่เหมาะสม ที่สุด เอสพลานาดในรูปแบบเดิมจึงถูกปรับปรุงใหม่ในปี 1991 เพื่อความสวยงามของเขตซิวิค ดิสตริก (Civic District) และเพื่อเป็น ศูนย์แสดงศิลปะ ในปี 1992 ทีมงานสถาปนิกซึ่งประกอบด้วยบริษัท DP อาร์คิเทค (DP Architechs) (สิงคโปร์)และ ไมเคิล วิลฟอร์ด แอนด์ พาร์ทเนอร์ (Michael Wilford & Partners) (สหราชอาณาจักร) ได้ ถูกเลือกมาให้ออกแบบศูนย์นี้ เพื่อเป็นสัญลักษ์แห่งการเชื่อมต่ออัน ทรงคุณค่าระหว่างอดีตและปัจจุบัน
ศูนย์แสดงศิลปะแห่งนี้จึงถูก เรียกว่าเอสพลานาด - โรงละครบนหาดทราย ในปัจจุบัน สัญลักษณ์แห่งสถาปัตยกรรมที่มีรูปแบบเหมือนหอยเชลล์สองตัวแห่งนี้นั้นตั้งอยู่ในเขตซีวิค ดิสตริก(Civic District) ของสิงคโปร์ อยู่เคียงข้างกับอ่าวมาริน่า เบย์ที่ปากแม่น้ำสิงคโปร์ เอสพลานาดนั้นประกอบไปด้วยห้องแสดงขนาดใหญ่สองห้อง คือห้องแสดงคอนเสิร์ตขนาด 2,000 ที่นั่ง และขนาด 1,600 ที่นั่ง และมีสตูดิโอขนาด เล็กอีกสองห้องทั้งในและนอกอาคารโดมที่เป็นโรงละครและห้องแสดงคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ทั้งสองห้องนี้ถูกออก แบบมาให้สร้างขึ้นด้วยกระจกเพื่อสื่อถึงความรู้สึกแห่งความเปิดกว้าง เพื่อทำให้ศูนย์แห่งนี้เย็นสบายจากอากาศใน เขตร้อน ได้มีการติดตั้งแผ่นบังแดดที่ทำจากอลูมิเนียมและกระจกเคลือบสองชั้นเข้ากับโครงหลังคาที่ทำจากเหล็ก ทำให้ศูนย์แห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมที่มีความโดดเด่นตัดกับเส้นขอบฟ้าของสิงคโปร์เป็นอย่าง มาก เหล็กแหลมที่ปกคลุมศูนย์แห่งนี้ทำให้มันได้รับการเรียกขานตามชื่อของผลไม้ยอดนิยมของสิงคโปร์ว่า เดอะ ดู เรียน (ทุเรียน)

เครื่องเล่นโซน Madagascar A CrateAdventure ร่วมเก็บความประทับใจกับการสัมผัสเป็นส่วนหนึ่งของตัวการ์ตูนโลกแห่งจินตนาการอย่างมีความสุข สนุกสนาน ผ่อนคลายเต็มที่ประหนึ่งกลับมาเป็นเด็กอีกครั้ง
The Sand Sky Park  สัมผัสบรรยากาศคลาสสิค กับความหรูหราบนตึกสูงชั้นที่ 57 สระว่ายน้ำลอยฟ้าที่มีเพียงแห่งเดียวในโลก
เครืองเล่นโซนวัดใจ  Battlestar Galactica เครื่องเล่นรถไฟเหาะตีลังการางคู่ที่สูงที่สุดในโลก
Revenge of The Mummy ขุดหาสมบัติของฟาโรห์ และค้นหาปริศนาแห่งมัมมี่

หากท่านใดได้สัมผัสกับเครืองเล่น สองสิ่งนี้ถือได้ว่าท่านเป็นผู้ที่มีความกล้า เพราะเครื่องเล่นทั้งสองโซนนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความท้าทาย
หวาดเสียว ตื่นเต้น ทุกวินาที ถือได้ว่าไม่ควรพลาดเครืองเล่นสองสิ่งนี้

อาหรขึ้นชื่อ ข้าวมันไก่ สิงคโปร์ ที่ไม่เหมือนใคร
อาหารที่ขึ้นชื่อของสิงคโปร์ คงไม่พ้น ข้าวมันไก่ สิงคโปร์ ที่เสริฟเป็นอาหารจานแยก เนื้อไก่สุดนุ่ม ผสมกับน้ำจิ้มรสเด็ด หากท่านมาเยือนสิงคโปร์แล้วไม่ควรพลาดที่จะหารับประทาน
ร้านขึ้นชื่อที่ได้รับความนิยมว่าถ้ามาแล้วต้องไปพิสูจน์ความอร่อย คือ ร้านบุญท่องกี่ (BOON TONGKEE)

นอกเหนือจากนี้ก็ยังมีเมนูเด็ดอื่นๆอีก เช่น บักคุดเท (บักกุ๊ดเต๋), ปูผัดพริกไทยดำ,
โรตีพราตา, สาเทย์ (หมูหรือไก่สะเต๊ะ) เป็นต้น