My Calander

วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ท่องเที่ยวประเทศเกาหลี 
 


            ประเทศเกาหลีใต้ ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ของทวีปเอเชีย มีเนื้อที่ประมาณ 99,208 ตารางกิโลเมตร เมืองหลวงของเกาหลีใต้ คือ กรุงโซล ประเทศนี้มีชุดประจำชาติ ที่เราๆต่างก็เคยเห็นกันใน หนังเกาหลีใต้ต่างๆเรียกว่า "ชุดฮันบก"
การขอวีซ่า: เกาหลีใต้เป็นอีกประเทศหนึ่งที่นักท่องเที่ยวชาวไทย ไม่ต้องดำเนินการขอวีซ่าและสามารถอยู่ในเกาหลีใต้ได้เป็น เวลานานถึง 90 วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่าอีกด้วย
ภาษาที่ใช้: ประชาชนชาวเกาหลีใต้ใช้ภาษาเกาหลีใต้กันในชีวิตประจำวัน แต่ก็มีวัยรุ่นหนุ่มสาวยุคใหม่อยู่เป็นจำนวนมาก ที่สามารถพูดภาษาอังกฤษกับนักท่องเที่ยวได้
ความแตกต่างของเวลา: เวลาที่ประเทศเกาหลีใต้จะเร็วกว่าประเทศไทยประมาณ 2 ชั่วโมงไปถึงที่เกาหลีใต้แล้วอย่าลืมเปลี่ยนเวลาด้วย
สภาพอากาศ: ประเทศเกาหลีใต้อยู่ในเขตอบอุ่นซึ่งมีอยู่ 4 ฤดูกาลใน 1 ปี ฤดูใบไม้ผลิ เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมจนถึงเดือนพฤษภาคม ทำให้ทั่วประเทศเกาหลีใต้บานสะพรั่งไปด้วยดอกไม้ที่สวยงาม ฤดูร้อน (เดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายน) คือฤดูกาลแห่งแสงอาทิตย์ ชาวเกาหลีใต้จะนิยมออกนอกบ้านเพื่อมาพักผ่อนในวันหยุด ฤดูใบไม้ร่วง ระหว่างเดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายน ช่วงนี้อากาศจะเริ่มเย็นลงแล้ว ส่วนฤดูหนาว จะอยู่ในช่วงเดือนธันวาคมถึงกลางเดือนมีนาคม อากาศจะหนาวเย็นและมีหิมะตก ฤดูหนาวที่ เกาหลีใต้ ถือว่าเป็นฤดูท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้ กิจกรรมสุดฮิตของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเกาหลีใต้ในช่วงฤดูหนาว ก็คือการเล่นสกี อย่างไรก็ตาม อย่าลืมเช็คสภาพอากาศก่อนออกเดินทางด้วย
ค่าเงิน และการธนาคาร: สกุลเงินของเกาหลีใต้คือ วอน โดยเหรียญแบ่งออกเป็น 10, 50, 100 และ 500 วอนค่ะ ส่วนธนบัตรมีใบละ 1000, 5000 และ 10000 วอน อัตราแลกเปลี่ยน 1,000 วอน อยู่ที่ประมาณ 37 บาท
การเดินทาง: การเดินทางมาเที่ยวเกาหลีใต้โดยทางเครื่องบิน มีเที่ยวบินของสายการบินนานาชาติหลายสาย เพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวเป็นประจำประเทศเกาหลีใต้มีท่าอากาศยานนานาชาติอยู่ 3 แห่งด้วยกัน คือ ท่าอากาศยานนานาชาติคิมโป ใกล้กรุงโซล คิมแฮ ใกล้พูซาน และเชจู บนเกาะเชจู ส่วนท่าเรือเดินสมุทรก็มีหลายแห่งเช่นกัน
สำหรับการเดินทางภายในเกาหลีใต้นั้น ประกอบด้วย ทางอากาศ: ประเทศเกาหลีใต้มีสายการบินภายในประเทศ ที่บริการบินเชื่อมโยงระหว่างเมืองใหญ่ๆ ทางบก: การโดยสารรถแท็กซี่ภายในเมืองต่างๆ นับว่าสะดวกสบายทีเดียว เพราะมีรถแท็กซี่เป็นจำนวนมากและราคาก็ไม่แพงมากด้วย ซึ่งรถแท็กซี่เหล่านี้ จะคิดราคาโดยใช้ระบบมิเตอร์เหมือนที่บ้านเราเลย การเดินทางโดยรถเช่า ก็สามารถทำได้ หรือจะเป็นรถทัวร์ ก็มีเครือข่ายกระจายอยู่ทั่วทุกภาคของเกาหลีใต้อีกด้วย ส่วนการคมนาคมขนส่งทางรถไฟ: ในแต่ละเมือง จะมีบริการไปยังสถานีต่างๆเชื่อมโยงถึงกันเกือบทุกส่วนของประเทศ อย่างไรก็ตาม ตารางการเดินรถและตารางเวลาของ รถไฟ และ รถทัวร์ จะถูกแสดงเป็นภาษาเกาหลีใต้เพียงภาษาเดียว จึงถือเป็นปัญหาสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ใครไปเที่ยวเองโดยไม่ได้ไปกับทัวร์คงต้องหาคนแถวนั้นถามดู
ข้อแนะนำพิเศษ: การเดินทางภายในประเทศโดยใช้เครื่องบิน จะต้องเสียภาษีสนามบินภายในประเทศ 3000 วอน โดยการชำระที่เคาน์เตอร์เช็คอินของสายการบินแต่เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีสนามบิน ในส่วนของการให้ทิป ที่ประเทศเกาหลีใต้ ไม่มีธรรมเนียมปฏิบัติว่าจะต้องให้ทิป นอกเสียจากว่าจะได้รับบริการพิเศษ เช่น ขนกระเป๋า บริการจากคนขับรถ บริการจากไกด์ท้องถิ่น เป็นต้น
อาหารท้องถิ่น: อาหารในประเทศเกาหลีใต้มีความแปลกตา และแตกต่าง จากอาหารของประเทศอื่น เนื่องจากสภาพภูมิอากาศ ที่แตกต่างจากประเทศในแถบเอเชียด้วยกัน อาหารส่วนใหญ่จึงเน้น เพื่อสุขภาพและบำรุงร่ายกาย โดยอาหารมักออกรสชาติจืด ไปซักหน่อย แต่ก็มีเครื่องเคียงต่างๆ เพื่อเป็นการเพิ่มรสชาติ อาหารที่รู้จักกันดีของเกาหลีใต้ คือ คิมซี หรือผักดองนั่นเอง ซึ่งมีหน้าตาที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับประเภทของผักและกรรมวิธีการทำ  อาหารที่ขึ้นชื่ออีกชนิดคือ บุลโกกิก หรือที่เรารู้จักกันในชื่อของ หมูย่างเกาหลีใต้ จะมีรสชาติออกหวาน จึงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว จำนวนไม่น้อยท่านสามารถลองหาทานอาหารรสเลิศเหล่านี้ได้ตาม ร้านอาหารทั่วไป หรือ ภัตตาคารภายในที่พักในเกาหลีใต้ของท่าน

แหล่งช้อปปิ้ง: การจับจ่ายซื้อสินค้าในเกาหลีใต้นั้น สินค้าที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว คือสินค้าพื้นเมืองทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เนคไท ผ้าพันคอ กระเป๋า เครื่องหนัง โสมเกาหลีใต้ และของที่ระลึกต่างๆ แต่ถ้าต้องการซื้อสินค้านานาชนิดจากทั่วทุกมุมโลก นักท่องเที่ยวก็สามารถหาซื้อได้ที่ร้านค้าปลอดภาษี หรือห้างสรรพสินค้า

แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

พระราชวังเคียงบกกุง ( Gyeongbokgung Palace) สุดปลายทางด้านเหนือของ ถนนเซจองโนของกรุงโซล เราจะเห็น พระราชวังเคียงบกกุ ตั้งโดดเด่นเป็นสง่า นี่คือ พระราชวังเคียงบกกุ พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านพระราชวังเคียงบ๊อกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1394 สมัยราชวงศ์โซซอน เป็นศูนย์ บัญชาการและที่ประทับของกษัตริย์เมื่อสมัย 600ปี ก่อนเยี่ยมชมท้องพระโรง พลับพลากลางน้ำ ภายในพระราชวังมี พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านที่จำลองชีวิตความเป็นอยู่ตลอดจนศิลปวัฒนธรรมของชนชาติ เกาหลีในอดีต ตลอดจนผ่านชม ทำเนียบและบ้านประธานาธิบดีคนปัจจุบัน 

พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งชาติเกาหลี (National Folk Museum of Korea) ตั้งอยู่ด้านหลังของพระราชวังเคียงบก ซื้อบัตรเพียงครั้งเดียวสามารถเข้าชมได้ทั้ง 2 แห่ง ภายในจัดแสดงวิถีการดำเนินชีวิตของคนเกาหลีในสมัยโบราณตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงสมัยราชวงศ์โชชอน แสดงเครื่องมือในการประกอบอาชีพ เครื่องแต่งกาย การประกอบอาหาร โดยเฉพาะการทำกิมจิ ที่ถือว่าเกาหลีเป็นต้นตำหรับที่แท้จริง

อนุสรณ์สถานแห่งสงครามเกาหลี (War Memorial of Korea)  ชนชาติเกาหลี จำต้องเข้าร่วมสงครามหลายครั้ง เพื่อป้องกันการรุกรานจากทั้งโซเวียต  จีน และญี่ปุ่น  รวมทั้งสงครามที่เจ็บปวดที่สุดที่ชนในชาติ ต้องมาสู้รบทำลายกัน เพียงเพราะผู้นำมีอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกัน หลังสงครามสิ้นสุดลง อาวุธยุทโธปกรณ์ที่ใช้ในสงคราม จึงได้ถูกนำมารวมไว้ที่นี่  เพื่อเป็นอนุสรณ์เตือนใจให้เห็นพิษภัยและความเจ็บปวดของสงคราม และเป็นอนุสรณ์ให้ทหารจากสหประชาชาติ ที่ส่งมาจากหลายประเทศที่พลีชีพในสงครามเกาหลี

วัดโชเกชา (jogyesa) วัดสำคัญในทางพระพุทธ ศาสนาแห่งเดียวที่ตั้งอยู่กลางใจกรุงโซล  สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1910 ถ้ามาเที่ยวในช่วงวันประสูติของพระพุทธเจ้า (วันวิสาขบูชา) พุทธศาสนิกชนก็พร้อมจะพร้อมใจกันนำโคมไฟมาแขวนไว้กันจนเต็มบริเวณวัด และมีขบวนแห่โคมไฟรูปดอกบัว ตั้งต้นขบวนกันที่สนามกีฬาทงแดมุน ผ่านหอคอยชงโน มาสิ้นสุดที่วัดโชเกชาพร้อมจัดงานฉลองทั้งวันทั้งคืน ทั่วบริเวณวัดมีสีสันสวยงามจากโคมไฟที่ถูกจุดเพื่อเป็นพุทธบูชาสว่างไสวไปตลอดคืน

หมู่บ้านวัฒนธรรมนัมซานกลฮันอก  (Namsangol  Hanok  Village)  หมู่บ้านนัมซานกลฮันอก  เป็นหมู่บ้านที่จำลองขึ้น  โดยได้รื้อถอนเอาบ้านเรือนสมัยโบราณยุคราชวงศ์โชชอน  จากที่ต่าง ๆ รอบกรุงโซล มาประกอบใหม่เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมเป็นการเฉพาะ จึงมีบ้านโบราณจำนวนหลายหลังอยู่ที่นี่  พร้อมการจัดฉากแสดงการดำเนินชีวิตแบบพื้นเมืองดั้งเดิมของผู้คนให้ชมอีกด้วย

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเกาหลี  (National  Museum  of  Korea)  เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ ๆ เปิดให้เข้าชมเมื่อปลายปี ค.ศ.2005  ที่ผานมานี่เอง  ตั้งอยู่ในเขตยงซาน ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ใหญ่โตโอ่อา มีความยาวถึง 400 เมตร สูง 3 ชั้น รวบรวมผลงานและศิลปวัตถุของชาติไว้กว่า 11,000 ชิ้น

วัดพงอึนชา  (Bongeunsa)  เป็นอีกหนึ่งวัดพุทธที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองท่ามกลางตึกสูงของเขตคังนัม ย่านที่ทันสมัยที่สุดของกรุงโซล อยู่ใกล้ ๆ ตึก World Trade Center และ COEX Mall  วัดนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.794 สมัยกษัตริย์วอนซองแห่งราชวงศ์ชิลล่า ที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองสุดขีดในเกาหลี และหลุดรอดจากการทำงายมาได้จนถึงทุกวันนี้ ถึงแม้สิ่งก่อสร้างส่วนใหญ่จะถูกสร้างขึ้นมาใหม่แทนของเก่า ที่ถูกทำลายในช่วงสงครามเกาหลี ในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา

http://choktaweetour.com/index_info.php?ID=36



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น